มาเลย์เตรียมออกกฎห้ามเด็กเป็น 'ทอมบอย-กะเทย'

สำนัก ข่าวต่างประเทศรายงานวานนี้ (24 ต.ค.) ว่า นายฮารุสซานี อิดริส ซากาเรีย มุฟตี ผู้เชี่ยวชาญด้านศาสนาอิสลามของรัฐเประ ประเทศมาเลเซีย เปิดเผยว่า สภาฟัตวาแห่งชาติ จะออกกฎห้ามเด็กหญิงประพฤติตัว หรือตัดผมสั้น และแต่งกายเลียนแบบเด็กผู้ชาย ซึ่งการประพฤติตนดังกล่าวถือว่าผิดต่อหลักศาสนาอิสลาม โดยเฉพาะบางคนที่มีพฤติกรรมรักร่วมเพศถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดต่อศีลธรรม และเป็นบาป นอกจากนี้ ยังห้ามเด็กชายประพฤติตัวเลียนแบบเด็กผู้หญิงด้วย

ทั้งนี้ กฎข้อบังคับดังกล่าวมีขึ้นหลังเกิดเหตุเด็กหญิงที่มีพฤติกรรมเลียนแบบเด็กผู้ชายก่อเหตุทะเลาะวิวาทในโรงเรียนบ่อยครั้ง

แถลงการณ์ "ทักษิณ" ถึงสื่อต่างประเทศ

เรียน เพื่อนสื่อมวลชนต่างประเทศ

สิ่ง ที่ผมกำลังเขียนถึงพวกคุณในวันนี้เพื่อให้ความกระจ่างในข้อเท็จจริงบางอย่าง ข่าวพาดหัวที่มีการรายงานว่าผมถูกตัดสินว่ามีความผิดจากการทุจริตต้องโทษจำ คุก 2 ปีจากการซื้อที่ดินของภรรยาผม, คุณหญิงพจมาน ชินวัตร

สิ่ง ที่คุณจะได้อ่านต่อไปนี้คือความจริง ผมถูกตัดสินโทษจำคุก 2 ปี ไม่ใช่เพราะข้อหาทุจริต เหตุผลเดียวที่ผมถูกสั่งจำคุก เพราะในช่วงเวลาที่ภรรยาของผมซื้อที่ดินโดยการเปิดประมูลนั้น ผมดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ผมได้ฟังคำตัดสินเมื่อวันก่อนและจนถึงตอน นี้ผมยังคงสับสน เพราะไม่มีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่ามีการฉ้อฉล คอร์รัปชั่น หรือกระทั่งการใช้อำนาจในทางมิชอบที่เกี่ยวเนื่องกับประมูล คำถามคือ ภรรยาของผมเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องและตัดสินใจยื่นประมูลที่ดินดังกล่าว เป็นผู้ยื่นเสนอราคาจำนวนมากแก่ผู้ขายซึ่งคือ กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน มากกว่าผู้ยื่นประมูลรายอื่นๆ เป็นผู้เซ็นสัญญาซื้อขายกับผู้ขาย จ่ายเงินค่าที่ดินโดยที่สามีไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ เลย ยกเว้นเมื่อต้องเซ็นชื่อยินยอมในเอกสาร

ในแง่ของข้อกล่าวหาเรื่อง อิทธิพลอำนาจที่ผมอาจมีเหนือกองทุนฟื้นฟูฯ มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องชี้ให้เห็นว่าคณะรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีไม่ได้มี อำนาจควบคุมโดยตรงเหนือกองทุนฟื้นฟูฯ เป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่งที่ศาลไม่ได้พบว่าการซื้อขายที่ดินของภรรยาผมมีอะไร ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายหรือเป็นการกระทำนอกกฎหมาย เขาไม่ได้ตัดสินว่าเธอมีความผิด เพราะเธอไม่ใช่นักการเมือง แต่ผมเป็น ผมเชื่อว่าพวกคุณจะตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เหลืออย่างอิสระเยี่ยงผู้สื่อข่าว มืออาชีพปฏิบัติกัน แต่น่าเสียดายที่เพื่อนร่วมอาชีพของคุณส่วนใหญ่ในประเทศไทยปฏิเสธที่จะทำ เช่นนั้น

สิ่งที่ผมจะสามารถทำความเข้าใจได้ดีที่สุดก็คือ ผมถูกตัดสินว่ามีความผิดจริงอย่างง่ายๆ เพียงเพราะผมเป็นนักการเมืองคนหนึ่งเท่านั้นเอง ผมผิดเพราะผมเป็นนักการเมืองที่ประสบความสำเร็จ ผมได้รับเลือกตั้งขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีถึงสองสมัยเพราะเสียงส่วนใหญ่จาก ประชาชน

ถ้าหากผมจะมีความผิดอะไรสักอย่าง นั่นก็คงเป็นสิ่งที่ผมได้แสดงออกมาให้ประชาชนชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนไทยกลุ่มที่อยู่ในชนบทและไม่มีอภิสิทธิ์ใดๆ ได้เห็นว่าพวกเขาสามารถเรียกร้องและมีสิทธิเรียกร้องให้รัฐบาลของพวกเขาจัด ทำนโยบายที่มีประสิทธิภาพและทำโครงการต่างๆ ที่จะยังผลให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาดีขึ้น

ผมยอมรับคำตัดสินนี้ ด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปกัน รู้สึกโล่งใจสำหรับภรรยาที่ผมดึงเธอเข้าไปสู่ความยากลำบากมากทีเดียว เพราะความทะเยอทะยานทางการเมืองของผมในการที่จะนำความยิ่งใหญ่และความเป็น อยู่ที่ดีมาสู่ประเทศและประชาชนของผม ทั้งรู้สึกนึกขันปนขมขื่นกับคำตัดสินที่ไร้เหตุผล และรู้สึกกังวลแทนนักการเมืองในประเทศไทยว่า พวกเขาสามารถเดินเข้าคุกไปได้ง่ายๆ เพียงเพราะภรรยาที่โชคร้ายของพวกเขาพยายามทำตามกฎหมาย

สำหรับพวก คุณที่อาจไม่คุ้นเคยกับประเทศไทย ภาครัฐและภาคเอกชนในไทยที่กำลังดำเนินธุรกิจหลายๆ ด้าน ตั้งแต่ สื่อสารโทรคมนาคม ธนาคาร ไฟฟ้า หรือแม้กระทั่งปั๊มน้ำมัน

ผมไม่ ทราบว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีกับทิศทางที่ประเทศไทยกำลังมุ่งไป ผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยถูกขับพ้นจากตำแหน่ง เพียงเพราะว่าเขาทำรายการโทรทัศน์ แต่กลุ่มคนที่ล่วงละเมิดผิดกฎหมายและยึดครองทำเนียบรัฐบาลกลับได้รับความ คุ้มครองจากศาล

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับผม ล้วนแต่เป็นการกระทำที่เกิดจากแรงขับเคลื่อนทางการเมือง ซึ่งเป็นการสมคบกันของบรรดาชนชั้นสูงที่มีอภิสิทธิ์ทั้งหลาย ผู้เชื่อในทุกสิ่งอย่าง ยกเว้นประชาธิปไตย ผมเป็นภัยคุกคามต่อพวกเขา เพียงเพราะผมเป็นตัวแทนของหลักการแห่งระบอบเสรีประชาธิปไตย ซึ่งส่งเสริมความหวังและความภาคภูมิใจของคนยากคนจนในประเทศของผม

ประเทศ ไทยเป็นและจะยังคงเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่และสวยงาม คนจำนวนไม่มากที่ไม่สามารถเผชิญกับความจริงได้ กำลังขัดขวางเจตจำนงของคนส่วนใหญ่ ผมเชื่อว่าในท้ายที่สุดพี่น้องชาวไทยจะเป็นผู้ชนะในการต่อสู้ครั้งนี้ และการสิ้นสุดของฝันร้ายอยู่ไม่ไกล

ผมขอขอบคุณที่ให้โอกาสผมได้ร่วมแบ่งปันข้อเท็จจริงกับคุณ

ด้วยความนับถือ

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

ร้านทองปิดเสาร์-อาทิตย์ ราคาขึ้นลงผันผวนหนัก

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (24 ต.ค.) ได้มีบรรยากาศการซื้อขายทองคำย่านเยาวราช ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เนื่องจากมีประชาชนแห่มาซื้อทองกันแน่นขนัดถึงขั้นต้องเข้าคิวรอด้านหน้า ร้าน ทะลักไปจนถึงริมถนน จนต้องมีการจัดคิวให้เข้าไปซื้อเป็นกลุ่มๆ ละประมาณ 10 คน เนื่องจากต้องการซื้อทองคำแท่งไว้เก็งราคา เพราะราคาทองคำลดลงต่ำ

อย่าง ไรก็ตาม บรรยากาศดังกล่าวคงจะไม่มีให้เห็นในวันพรุ่งนี้ (25 ต.ค.) เนื่องจากนายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมผู้ค้าทองคำ ขอให้ร้านทองทั่วประเทศหยุดทำการซื้อ-ขายทองคำแท่งในวันเสาร์-อาทิตย์ เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้ จนกว่าราคาจะเข้าสู่ภาวะปกติ หากราคายังผันผวนอาจจะงดซื้อขายในวันหยุดเป็นการถาวร เพื่อลดความเสี่ยงของร้านค้า ที่อาจขาดทุนเพราะไม่มีราคาอ้างอิงจากตลาดซื้อขายล่วงหน้าที่สำคัญของโลก ส่วนการซื้อขายในวันธรรมดา จำกัดให้ซื้อได้คนละไม่เกิน 10 บาท หรือ 150 กรัม แต่ทองรูปพรรณยังคงเปิดขายตามปกติ

ส่วน บรรยากาศการซื้อทองคำใน จ.นครราชสีมา กลับเป็นไปด้วยความเงียบเหงา เนื่องจากเจ้าของร้านทองไม่สามารถสั่งซื้อทองคำแท่งจากกรุงเทพฯ มาจำหน่ายให้ลูกค้าที่ต้องการซื้อเพื่อเก็งกำไร แต่ทองรูปพรรณยังจำหน่ายตามปกติ เช่นเดียวกับร้านขายทองกว่า 40 ร้าน บริเวณถนนโกสีย์ ปากน้ำโพ จ.นครสวรรค์ บรรยากาศการค่อนข้างซบเซา เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการซื้อทองคำแท่ง มากกว่าทองรูปพรรณ โดยหลายคนกังวลว่า 2-3 วันข้างหน้าราคาทองจะปรับลดลงอีก แต่ที่ จ.สงขลา ร้านค้าทองหลายแห่งคึกคัก เพราะชาวบ้านแห่ไปซื้อทองรูปพรรณ และสั่งจองทองคำแท่ง เพื่อเก็บไว้ขายเก็งกำไร

นาย สุวรรณ วลัยเสถียร ประธานชมรมคนออมเงิน กล่าวว่า สาเหตุที่ราคาทองคำปรับลดลงอย่างรวดเร็ว เกิดจากแรงเทขายของกองทุนเก็งกำไร เนื่องจากนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นซึ่งเป็นผลจากวิกฤตการเงินสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังชี้ว่า ราคาทองคำมีโอกาสอ่อนตัวลงอีกภายใน 30 วัน จนราคาขายเหลือเพียงบาทละ 11,000 บาท

สำหรับราคารับซื้อทองคำแท่งวันนี้ อยู่ที่บาทละ 12,400 บาท ขายออกบาทละ 12,500 บาท ลดลงจากต้นสัปดาห์บาทละ 900 บาท

พธม.เตรียมแผนรับมือ “สล้าง” ลุยล้อมทำเนียบฯ


ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (23 ต.ค.) ว่า พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตั้งข้อสังเกตกรณีที่พล.ต.อ.สร้าง บุญนาค อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ มีแผนจะบุกยึดทำเนียบรัฐบาลว่า เรื่องดังกล่าวอาจจะมีผลประโยชน์ส่วนตัว ในตำแหน่งทางราชการ ซึ่งทางกลุ่มผู้ชุมนุมจะทำการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวต่อไป โดยในขณะนี้ทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้เตรียมรับมือกับเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างเต็มที่ หากมีการก่อเหตุจริง คณะรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ เนื่องจากการกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งที่ละเมิดต่อกฎหมาย

ส่วนกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจะมีการต่อสายโทรศัพท์ผ่านรายการความจริงวันนี้ ในวันที่ 1 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า จะทำให้มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลอย่างแน่นอน เนื่องจากสถานีโทรทัศน์ดังกล่าวใช้เงินภาษีของประชาชนในการบริหาร แต่กลับนำมาใช้ในเรื่องส่วนตัว

สำหรับกรณีที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี จะออกรายการรัฐบาลของประชาชน เพื่อชี้แจงนโยบายของทางรัฐบาลนั้นนายพิภพ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวสามารถกระทำได้เพราะถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ที่จะต้องชี้แจงข้อเท็จจริงต่าง ๆ ให้กับประชาชนทั่วไปได้รับทราบ

“เติ้ง” ตำหนิพันธมิตรฯ ทำน่าเกลียดโห่ไล่นายกฯ


ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (23 ต.ค.) ว่า นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ส.ส.แบบสัดส่วน และนายวราวุธ ศิลปอาชา รมช.คมนาคม เดินทางมาร่วมงานวันครบรอบวันคล้ายวันเกิด 66 ปี ของนายจองชัย เที่ยงธรรม รองหัวหน้าพรรค ที่สำนักงานบ้านกล้วย อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี

นายบรรหาร กล่าวกับชาวสุพรรณบุรีที่มาร่วมงานว่า ขอให้ช่วยกันจุดธูปบนบานให้พรคชาติไทยไม่ถูกยุบด้วย พร้อมตำหนิกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย ปิดล้อมล้อมรัฐสภาและยึดทำเนียบรัฐบาล และรับไม่ได้ที่กลุ่มพันธมิตรฯ โห่ไล่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เมื่อวานนี้ (22 ต.ค.) ขณะตรวจเยี่ยมกระทรวงไอซีที เพราะเป็นพฤติกรรมที่น่าเกลียด

ด้านนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชาชน ในฐานะเลขานุการส่วนตัวนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีถูกพนักงานทีโอที ล้อมกรอบ และขว้างปาสิ่งของใส่ว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้สั่งการให้เพิ่มความคุ้มครองเป็นพิเศษ เพราะต้องการให้เป็นไปตามธรรมชาติ ไม่ต้องการให้เปลี่ยนแปลงอะไรมาก ให้เป็นหน้าที่ของทีมรักษาความปลอดภัยจะพิจารณา เนื่องจากเป็นหน้าที่โดยตรง

ข้าวราดแกง-อาหารตามสั่งลดเหลือ 25 บ. วันที่ 1 พ.ย. นี้ !!!

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรดาร้านข้าวแกง ร้านอาหารตามสั่ง และอาหารสำเร็จรูปต่างๆ เตรียมจะลดราคามาเริ่มต้นที่ 25 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.นี้เป็นต้นไป หลังกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการลดราคาอาหาร ตามราคาน้ำมันที่ลดลง

โดยวันนี้ (22 ต.ค.) กรมการค้าภายใน หารือร่วมกับผู้ประกอบการอาหารสำเร็จรูป /เจ้าของตลาด ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ และร้านอาหาร เพื่อขอความร่วมมือลดราคาอาหารสำเร็จรูป ให้สอดคล้องกับต้นทุนที่ลดลงตามราคาน้ำมัน โดยตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.นี้ อาหารสำเร็จรูปในศูนย์อาหารของห้างค้าปลีก จะลดราคามาเริ่มต้นที่จานละ 25 บาท จากเดิมที่มีราคาเฉลี่ยจานละ 30-40 บาท ส่วนข้าวแกงและอาหารตามสั่งในตลาดสด จะมีราคาที่จานละ 20-25 บาท ร้านข้าวแกง ร้านก๋วยเตี๋ยว และร้านอาหารตามสั่ง ทั่วไปราคาอยู่ที่จานละ 15-20 บาท

ทั้งนี้ ปัจจุบันประชาชนนิยมบริโภคอาหารปรุงสำเร็จรูปถึง ร้อยละ 41 หากปรับลดราคาอาหารลงจะสามารถช่วยลดภาระของประชาชนและภาวะเงินเฟ้อได้มากขึ้น นอกจากนี้ กรมการค้าภายใน จะเร่งโครงการธงฟ้า เน้นช่วยเหลือประชาชนด้านวัตถุดิบให้มากขึ้น โดยจะจัดงานธงฟ้าต่อเนื่องทั่วประเทศไปจนถึงสิ้นปีนี้

'แองเจลินา โจลี'วอนไทย-กัมพูชาหันหน้าเจรจา ใช้สันติวิธีแก้ปัญหา

แองเจลินา โจลี นักแสดงสาวชื่อดังชาวอเมริกัน เชื้อสายสโลวัก-เยอรมัน-เฟรนช์ แคเนเดียน วัย 33 ปี ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อต่างประเทศหลายสำนัก โดยเรียกร้องให้รัฐบาลไทยและกัมพูชายุติการสู้รบโดยเร็ว และขอให้ทั้ง 2 ประเทศยึดมั่นในแนวทางแบบสันติวิธีในการแก้ไขข้อพิพาทเรื่องดินแดนระหว่าง กัน
โจลี ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นทูตสันถวไมตรี (Goodwill Ambassador) ให้กับหน่วยงานผู้ลี้ภัยขององค์การสหประชาชาติ กล่าวว่า รู้สึกไม่ค่อยสบายใจที่ได้ทราบข่าวว่าเกิดการสู้รบระหว่างไทยและกัมพูชา จึงขอวิงวอนให้ผู้นำไทยและกัมพูชาหันหน้ามาพูดคุยกันเพื่อหาทางแก้ไขความขัด แย้งในครั้งนี้ เพราะประชาชนในพื้นที่เป็นผู้บริสุทธิ์ไม่สมควรต้องมารับผลจากความขัดแย้ง ทางการเมืองในระดับชาติ
ทั้งนี้ นักแสดงสาว ซึ่งเป็นภรรยาของแบรด พิตต์ พระเอกชื่อดังชาวอเมริกัน วัย 44 ปี เคยให้ความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมต่อกัมพูชา ในขณะที่เดินทางมาถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Tomb Raider และการอุทิศตัวของโจลีในครั้งนั้น มีผลทำให้กษัตริย์นโรดม สีหมุนี ของกัมพูชา พระราชทานสัญชาติกัมพูชาให้กับเธอ ตั้งแต่เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2005

ตั้งสติกับสึนามิเศรษฐกิจ

วิกฤต แฮมเบอร์เกอร์ดูน่ากลัวเพราะผลร้ายเริ่มลามไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ตลาดเงินและตลาดทุนบั่นป่วน อย่างไรก็ดี ภายใต้การแพร่ระบาดของเชื้อร้ายนี้ถ้าคนในบ้านเราไม่ ตื่นตระหนก สดับตรับฟังข่าวต่างๆ อย่างมีสติแล้ว ผลกระทบในบ้านเราก็ไม่น่าจะหนักหนาสาหัสเท่าวิกฤตเมื่อปี 2540

การ รับประกันเงินฝากในธนาคารอย่างไม่จำกัดวงเงินของไอร์แลนด์ เยอรมนี ออสเตรีย เดนมาร์ก พร้อมกับการขยายยอดวงเงินประกันเงินฝากของธนาคารในเกือบทุกประเทศในยุโรปชี้ ให้เห็นว่าการตื่นตระหนกถอนเงินจากธนาคารได้เกิดขึ้นแล้วอันเนื่องมาจากหนี้ เสียหรือคาดว่าธนาคารมีผลประกอบการที่เลวร้ายจนจะปิดกิจการ

สาเหตุ ของการถอนเงินก็มาจากการกลัวว่าธนาคารจะล้มและไม่มีเงินจ่ายคืนให้ การออกมาบอกว่าจะรับประกันเงินฝากไม่จำกัดวงเงินหรือขยายวงเงินก็ทำให้ผู้ ฝากเบาใจและหาย ตื่นตระหนกไปได้ในระดับหนึ่ง และถ้าเกิดความเชื่อมั่นมากขึ้นสถาบันการเงินก็คงพอหายใจสบายขึ้น

การ ตื่นตระหนกถอนเงินจากธนาคารนั้นน่ากลัวกว่าการตกของดัชนีตลาดหุ้นเป็นอันมาก การที่คนตกใจก็เนื่องจากเกรงว่าราคาหลักทรัพย์จะตกลงมากไปกว่าที่ซื้อไว้ อย่างไรก็ดี เมื่อมันตกลงมากๆ ไม่ช้าไม่นานก็จะมีคนมาช้อนซื้อ "ของถูก" (ถ้าไม่ตกไปกว่านี้อีก) เอาไว้ ดัชนีก็จะฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง จะช้าจะเร็วและจะขึ้นมาสูงหรือต่ำแค่ไหนไม่มีใครทราบ (ถ้าผู้เขียนรู้ก็ไม่ได้มานั่งเขียนอยู่ตรงนี้)

ส่วนการตื่นตระหนก ของผู้ฝากเงินนั้นร้ายกาจกว่ามากมาย เพราะทุกธนาคารไม่ว่าใหญ่โตแค่ไหนก็สามารถล้มได้ทั้งนั้นหากผู้คนแห่กันมา ถอนเงินเนื่องจากธนาคารได้เอาเงินฝากไปปล่อยกู้เกือบทั้งหมด (ใครจะกอดเงินฝากอยู่ได้เพราะต้องจ่ายดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ทุกวินาที) ตามธรรมชาติของธุรกิจธนาคารทั่วโลก

เมื่อธนาคารใดธนาคารหนึ่งล้ม ก็มีโอกาสสูงที่จะดึงธนาคารอื่นลงไปด้วยเนื่องจากโรคกระต่ายตื่นตูมหรือ ธนาคารอื่นอาจมีธุรกิจโยงใยอยู่ด้วย ดังนั้น การยอมให้ธนาคารใดธนาคารหนึ่งล้มจึงเป็นสิ่งต้องห้าม

เมื่อก่อนวิกฤต เศรษฐกิจปี 2540 การล้มของธนาคารเป็นเรื่องใหญ่โตน่ากลัว แต่เมื่อกว่า 2-3 ธนาคารแถมด้วยบริษัทไฟแนนซ์กว่า 40 แห่งล้ม คนไทยจึงรู้สึกชาชินไปเป็นอันมาก กอปรกับรัฐบาลไทยคุ้มครองเงินฝากไม่จำกัดวงเงิน (เพียงแต่ได้เงินฝากคืนช้าเท่านั้น) มันจึงไม่เป็นโรคร้ายลามไปทั่ว

ใน ครั้งนี้ถึงแม้พระราชบัญญัติสถาบันคุ้มครองเงินฝากจะมีผลใช้บังคับแล้ว ตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคม 2551 ก็ตาม ในปีแรกภาครัฐก็ยังคุ้มครองไม่จำกัดวงเงินอยู่ดี ในปีต่อไปวงเงินคุ้มครองคือ 100 ล้านบาทต่อคนฝาก 1 คนต่อ 1 สถาบันการเงิน และลดหลั่นลงไปเป็น 50 และ 10 ล้านบาท ในปีต่อๆ ไป

พระราชบัญญัติ ฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้เต็มที่ในวันที่ 13 สิงหาคม 2555 เป็นต้นไปคือคุ้มครองวงเงินฝาก 1 ล้านบาทต่อคนฝาก 1 คนต่อ 1 สถาบันการเงิน

ผู้ มีเงินฝากนับสิบหรือร้อยล้านบาทและวงเงินคุ้มครอง 1 ล้านบาทเช่นนี้ก็ไม่น่ากลัวเพราะผู้ฝากสามารถฝากในหลายธนาคารได้และคนเช่น นี้ก็มีน้อยมากเพราะสถิติปัจจุบันระบุว่าร้อยละ 98.5 ของยอดบัญชีเงินฝากทั้งหมดในประเทศไทยมีเงินฝากต่ำกว่า 1 ล้านบาท

การ คุ้มครองเงินฝากหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าประกันเงินฝากในบ้านเราจึงไม่ใช่ เหตุผลที่ควรจะตื่นตระหนกใดๆ ทั้งสิ้นและก็ไม่มีเหตุผลใดๆ อีกเช่นกันที่จะต้องหน้าตาตื่นไปถอนเงินฝากจากสถาบันการเงิน

ธนาคาร แห่งประเทศไทยได้ประกาศว่าสถาบันการเงินไทยได้ซื้อตราสารหนี้ชนิดที่มีหลัก ทรัพย์จำนองหนุนหลัง (mortgage-back securities) ที่เป็นปัญหาเพราะมูลค่ามันลดลงไปมากจากบริษัทการเงินที่มีปัญหาในสหรัฐ อเมริกาประมาณ 7 พันล้านบาท ซึ่งถ้าตัวเลขนี้จริงก็ไม่เป็นปัญหา

ปัญหาที่จะกระทบคนไทยจากวิกฤตแฮมเบอเกอร์น่าจะมาจาก

(ก) ปัญหาการส่งออกเนื่องจากคู่ค้ารายใหญ่ของเราคือสหรัฐอเมริกา ยุโรป (ยังไม่เห็นชัดจากประเทศอาเซียนและจีน) มีปัญหาด้านรายได้จนบริโภคน้อยลงและมีดีมานด์ของสินค้าออกของเราน้อยลง

(ข) ปัญหาการท่องเที่ยว เป็นธรรมดาเมื่อตนเองจนลงจริงๆ หรือรู้สึกว่าตนเองจนลงบนกระดาษเพราะราคาหุ้นตกลงมากก็ย่อมออกท่องเที่ยว น้อยลงเป็นธรรมดา

(ค) ปัญหาการลงทุนจากต่างประเทศ บริษัทใหญ่ๆ เมื่อฐานะการเงินถูกกระทบเพราะเศรษฐกิจโตช้าลงหรือประชาชนมีการบริโภคน้อยลง สินค้าค้างสต๊อคมากขึ้น ก็ย่อมลงทุนน้อยลงกว่าเดิมทั้งในและนอกประเทศ

(ง) ความไม่แน่นอนจากการลามของโรคไปยังประเทศอื่นๆ ในรูปของหนี้เสียหรือเกิดสภาวะเลวร้ายลงมากขึ้นในสหรัฐอเมริกาในลักษณะใหม่ๆ เช่น ค่าเงินเหรียญสหรัฐผันผวน บริษัทที่ได้ช่วยเหลือไปแล้วมีอาการทรุดหนักลงไปอีก โรคลามไปถึงสถาบันการเงินใหญ่อย่างร้ายแรง ฯลฯ หรือโรคลามไปถึงสถาบันการเงินของไทยอันเกิดจากหนี้เสีย

(จ) ปัญหาเศรษฐกิจไทยโตช้าลงทำให้รัฐบาลเก็บภาษีได้น้อยลง (แต่รายจ่ายเพิ่มขึ้นทำให้ขาดดุลการคลังมากขึ้นซึ่งหมายถึงหนี้สาธารณะเพิ่ม สูงขึ้น) ภาคเอกชนมีกำไรน้อยลงหรือ ขาดทุนซึ่งส่งผลกระทบต่อการลงทุนและการจ้างงาน

(ฉ) ปัญหาดัชนีตลาดหุ้นไทยตกลงไปมากจนทำให้นักลงทุนขาดทุน นักธุรกิจต้องกู้ยืมด้วยต้นทุนที่สูงขึ้นเพราะมีความเสี่ยงสูงขึ้น (หลักทรัพย์ค้ำประกันการกู้ยืมก็มีมูลค่าลดลงด้วย)

ปัญหาเหล่านี้จะ มาถึงอย่างไม่รวดเร็ว พอมีเวลาให้เราปรับตัวได้ แต่ถ้าคนไทยเราตื่นตระหนกและขาดสติในการแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะอย่างยิ่งหน้า ตื่นไปถอนเงินฝากหรือขายหุ้นกัน ลูกเดียวแล้ว เราจะเจ็บตัวกันได้มากในเวลาอันรวดเร็ว

ไม่มีเหตุผลใดในปัจจุบันที่ คนไทยจะต้องตื่นตูมกังวลกับเงินฝากในสถาบันการเงินหรือขายหุ้นทิ้งอย่างไร้ สติ เราควรตั้งสติและปรับตัวรับปัญหา

ถ้าจะห่วงใยก็น่าจะเป็น เรื่องการใช้ความรุนแรงของภาครัฐทั้งจากการปลุกระดมและการใช้กลไกของรัฐใน การแก้ไขปัญหาชุมนุมประท้วงตามสิทธิในระบอบประชาธิปไตยมากกว่า

เผยบันทึกช่วยจำระบุเขมรละเมิดอธิปไตยให้ถอนทหาร

กรณี ทางการไทยได้ยื่นหนังสือบันทึกช่วยจำให้กัมพูชา หลังเกิดเหตุปะทะกันระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ใกล้กับปราสาทพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ วันนี้

โดย คำแปลบันทึกช่วยจำอย่างไม่เป็นทางการ เลขที่ 0200.9/12152 ระบุว่า กระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยขอถือเป็นเกียรติที่จะแจ้งรัฐบาล แห่งราชอาณาจักรกัมพูชาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 ต.ค. 2551 ช่วงเวลาประมาณ 14.25-14.30 น. ว่า ทหารไทยซึ่งกำลังลาดตระเวนอย่างสันติตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในดินแดนไทยใกล้ภูมะเขือได้ถูกทหารกัมพูชาระดมยิงด้วยเครื่องยิงจรวดอาร์พี จี และปืนกลเบา ส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ 5 นาย ทหารไทยจึงยิงตอบโต้อันเป็นการใช้สิทธิ์ในการป้องกันตัว ตามที่ระบุในข้อ 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ

รัฐบาล แห่งราชอาณาจักรไทยถือว่าการรุกล้ำดินแดนไทยโดยทหารที่กล่าวถึงข้างต้น รวมทั้งการยิงทหารไทยเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทยอย่าง ร้ายแรง และเป็นการกระทำการรุกรานอันขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดแจ้ง

รัฐบาล ไทยยืนยันความยึดมั่นที่จะร่วมมือกับกัมพูชาอย่างใกล้ชิดภายใต้กรอบคณะ กรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) ที่มีอยู่ และไทยได้ย้ำในหลายโอกาสว่าข้อพิพาทชายแดนระหว่างกัมพูชากับไทยจะสามารถ แก้ไขได้ดีที่สุดโดยสันติวิธีโดยวิธีการทวิภาคี อย่างไรก็ดี การตัดสินของรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาที่จะใช้กำลัง โดยขัดต่อข้อผูกพันระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสอง ประเทศที่มีขึ้นที่เมืองเสียมราฐและอำเภอชะอำที่จะใช้ความอดกลั้นอย่างถึง ที่สุดนั้น เป็นสิ่งที่น่าประณาม

ใน การนี้ รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยจึงขอประท้วงอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวข้าง ต้นของทหารกัมพูชา รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยยังเรียกร้องให้รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาถอน ทหารออกจากดินแดนไทยโดยทันทีพร้อมกับรับรองว่าเหตุการณ์ในทำนองนี้จะไม่เกิด ขึ้นอีกในอนาคต

เขมรกร้าว เปิดฉากยิงทหารไทยก่อนบริเวณภูมะเขือ

ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (15 ต.ค.) ว่า เกิดเหตุยิงปะทะกันระหว่างไทยกับทหารกัมพูชา บริเวณ ภูมะเขือ ชายแดนไทย-กัมพูชา อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ ห่างจากเขาพระวิหารด้านทิศตะวันตกราว 3 กิโลเมตร ซึ่งเหตุการณ์ปะทะกันครั้งนึ้ มีรายงานว่าทหารกัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงใส่ทหารไทยก่อน ทำให้ทหารไทยต้องตอบโต้

ล่า สุด กรมทหารพรานที่ 23 มีการประกาศให้เจ้าหน้าที่ทุกนายเตรียมความพร้อม และระดมกำลังรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมเตือนพี่น้องประชาชนบริเวณแนวชายแดนให้อพยพแล้ว

ด้าน ผู้บัญชาการกองทัพกัมพูชา ยืนยันทหารไทยและกัมพูชายิงตอบโต้กันตามแนวพรมแดนในวันนี้ หลังข้อพิพาทเรื่องการกำหนดเขตแดนส่อเค้าบานปลายหนักขึ้น โดยสำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานอ้างเจ้าหน้าที่กัมพูชาที่บอกว่า ทหารไทยเป็นฝ่ายยิงโจมตีเข้ามาก่อน ซึ่งทางฝ่ายกัมพูชาอ้างว่า มีทหารไทย 500 นาย เดินลาดตระเวณใกล้พื้นที่ขัดแย้งบริเวณปราสาทพระวิหาร ในขณะที่สื่อโทรทัศน์ของไทย ได้แพร่ภาพแสดงให้เห็นรถถังหลายคันมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ดังกล่าว

แฉเขมรฝังกับระเบิดใหม่ ต้นเหตุทหารไทยขาขาด

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นวันนี้ (14 ต.ค.) นายนรชิต สิงหเสนี รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้บรรยายข้อมูลความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อคณะทูตประเทศสมาชิกไม่ถาวรคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) 4 ประเทศ ได้แก่ แอฟริกาใต้ ปานามา เบลเยียม และอิตาลี ส่วนอินโดนีเซีย และเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศสมาชิกไม่ถาวรยูเอ็น รวมอยู่ในประเทศอาเซียน รับฟังการบรรยายจาก นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับคณะทูตประเทศอาเซียนคนอื่นๆ

ก่อน หน้านี้ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ยังต่อสายพูดคุยทางโทรศัพท์กับทูตประเทศสมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสห ประชาชาติ 5 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศสและจีน ด้วย

ต่อ มา นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ในการชี้แจงต่อคณะทูตอาเซียน 8 ประเทศ โดยได้รายงานพัฒนาการเกี่ยวกับปัญหาชายแดน ซึ่งมีสาระสำคัญอ้างถึงเหตุการณ์ทหารพรานของไทยเหยียบกับระเบิดขาขาด ขณะลาดตระเวนบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในเขตของไทย ที่บริเวณภูมะเขือและอยู่ใกล้กับปราสาทพระวิหาร

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าระเบิดดังกล่าวเป็นระเบิดชนิด PMN2 ซึ่งผลิตจากรัสเซีย แต่ระเบิดชนิดนี้ กองทัพของไทยไม่เคยใช้และไม่มีอยู่ในคลังอาวุธ อีกทั้งจากการสอบสวนพบว่าระเบิดดังกล่าวถูกฝังไม่นานมานี้ รัฐบาลไทยจึงเชื่อว่าระเบิดดังกล่าวเป็นระเบิดใหม่ที่เพิ่งฝัง หลังจากที่ทหารพรานลาดตระเวนและพบทหารกัมพูชารุกล้ำชายแดนไทย เมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา

" จากนั้น วันที่ 6 ต.ค. ทหารไทย เหยียบทุ่นระเบิดและสูญเสียขา ซึ่งเส้นทางเดินของทหารไทยมีการเก็บกู้กับระเบิดหมดแล้ว ทางศูนย์ปฏิบัติการส่งคณะเจ้าหน้าที่ไปสอบสวน และกู้กับระเบิดในพื้นที่ดังกล่าว โดยพบว่าระเบิดหลายลูกเพิ่งผลิต และทุ่นระเบิดหลายแห่งมีการฝังไม่นานมานี้" นายธฤต ระบุ

โฆษกกระทรวง การต่างประเทศ กล่าวด้วยว่า หลังการรับฟัง คณะทูตทุกประเทศต่างแสดงความเข้าใจต่อสถานการณ์ความตึงเครียดไทย-กัมพูชาและ กล่าวขอบคุณกระทรวงการต่างประเทศที่ได้เร่งทำเข้าใจอย่างทันท่วงที นอกจากนี้ ทางการสิงคโปร์และอินโดนีเซีย ยังแสดงความเป็นห่วงต่อเรื่องนี้ และขอให้ไทยและกัมพูชาใช้ความยับยั้งชั่งใจในการแก้ปัญหา

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า ทางการไทยได้แสดงความวิตกกังวลต่อเรื่องนี้อย่างยิ่ง เนื่องจากเห็นว่าเป็นการละเมิดอย่างร้ายแรงต่ออนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิด ออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดอย่างร้ายแรง ไทยจึงหวังอย่างจริงจังว่า รัฐบาลกัมพูชา ไม่ได้เพิ่มการแถลงข่าวหรือการให้ข่าวเกี่ยวกับความขัดแย้งตามพรมแดน เพื่อกลบความสนใจ หรือกลบข่าวเกี่ยวกับการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศนี้ โดยเฉพาะความเห็นขัดแย้งเส้นเขตแดน ควรแก้ไขกันทั้ง 2 ประเทศ แทนที่จะใช้คำพูดที่ก่อให้เกิดอันตราย

"ฮุนเซน" ออกทีวีด่าอีกรอบ..ไทยยอมถอนทหาร!!


เจ้าหน้าที่กัมพูชากล่าวว่าฝ่ายไทยได้ยอมถอนทหารออกจากบริเวณ "ลานอินทรี" (Eagle Entry) แล้วเมื่อเวลาประมาณ 10:20 น. ก่อนจะถึง "เส้นตาย" เที่ยงวัน ที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้ยื่นแก่ฝ่ายไทยเมื่อวันจันทร์ โดยสำทับว่าหากไม่ถอนทหารก็จะเกิดการปะทะด้วยอาวุธอย่างแน่นอน และที่นั่นจะเป็น "พื้นที่แห่งความตาย"

สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุนเซน ได้ออกประกาศทางโทรทัศน์กัมพูชาในเช้าวันอังคารนี้ กล่าวถึง "การรุกราน" ของไทยอย่างโกรธแค้น และ ตอกย้ำเรื่อง "เส้นตาย" ที่ยื่นต่อฝ่ายไทยอีกครั้งหนึ่ง

หนังสือพิมพ์กัมโบดจ์ซวาร์ (Cambodge Soir Hebdo) ภาษาฝรั่งเศส รายงานเรื่องนี้บนเว็บไซต์เมื่อเวลาประมาณบ่ายโมงวันอังคาร (14 ต.ค.) นี้อ้างการเปิดเผยของ พลจัตวายืมปืม (Yeum Peum) นายทหารคนหนึ่งในพื้นที่ด้านชายแดนเขาพระวิหาร

" ลานอินทรี" เป็นชื่อที่ฝ่ายกัมพูชาใช้เรียก บริเวณลานกว้างที่อยู่ระหว่างสันเขาด้านหนึ่งกับปราสาทพระวิหาร เคยเป็นที่ตั้งมั่นของฝ่ายเขมรแดงที่นำโดยนายพลตาม๊อค (Ta Mok) ในช่วงปีที่ยังทำสงครามกองโจรต่อสู้กับรัฐบาลของนายฮุนเซน ที่เวียดนามหนุนหลังในอดีต

ถนน ที่ตัดเลียบไปตามไหล่เขาและถูกใช้เป็นเส้นทางเดินไปยังปราสาทพระวิหารใน ปัจจุบันนี้ก็ยังถูกเรียกว่า "ถนนตาม๊อค" และอาณาบริเวณอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ถัดไปก็ยังเรียกว่า "ลานตาม๊อค" จนถึงทุกวันนี้

ผู้นำกัมพูชากล่าวว่าทหารไทยกว่า 84 นายได้เข้าไปตั้งมั่นที่นั่น ตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่แล้ว ประจันหน้ากับฝ่ายกัมพูชาที่ตั้งอยู่ห่างออกไปเพียงแค่ประมาณ 30 เมตร

"เราถือว่าลานอินทรีเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เป็นจุดแห่งความเป็นความตายของพวกเรา" นายทหารคนเดียวกันกล่าวกับกัมโบดจ์ซวาร์ ทั้งสำทับว่าการเสียที่มั่นแห่งนั้นไป จะเป็นการสูญเสียการควบคุมปราสาทพระวิหาร
"เราจะต้องรักษาลานอินทรีเอาไว้ให้ได้ ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไร" นายทหารเขมรคนเดิมกล่าว

ส่วนสมเด็จฯ ฮุนเซน ได้ออกโทรทัศน์แถลงเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่งในภาคเช้าวันอังคารนี้ สำทับอย่างโกรธแค้นให้ฝ่ายไทยต้องถอนหทารตามเงื่อนเวลาที่ยื่นต่อรัฐมนตรี ต่างประเทศของไทยเมื่อวันจันทร์

"โฆษกของรัฐบาลในกรุงเทพฯ คนหนึ่งกล่าวว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นของพวกเขา..." นายกรัฐมนตรีกัมพูชากล่าวทางโทรทัศน์อย่างโกรธแค้น

"มันเป็นไปได้อย่างไร พวกเขาเพิ่งจะเข้าไปที่นั่นเมื่อวานนี้" ผู้นำกัมพูชากล่าวต่อ

"ถ้าหากพวกเขาคิดว่ากัมพูชา (เป็นประเทศที่) จะมองข้ามได้ ก็ให้พวกเขาพูดไป!" สมเด็จฯ ฮุนเซนกล่าว

"อย่างไรก็ตาม มดสามารถสร้างความรำคาญให้แก่ช้างที่กำลังหลับได้เหมือนกัน พวกเขาอาจจะเหยียบหัวแม่เท้าของผมได้ แต่จะเหยียบหัวผมไม่ได้" นายกฯ กัมพูชากล่าวทางโทรทัศน์ ในกิริยาที่เกรี้ยวกราด

นายสมพงษ์ได้พบเจรจรากับนายฮอร์นัมฮอง รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาเรื่องปัญหาชายแดน โดยไม่สามารถตจกลงอะไรกันได้ และในเวลาต่อมาได้เข้าเยี่ยมคำนับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาก่อนจะเดินทางกลับ พร้อมกับคำขาดให้ถอนทหาร.

มทภ.2 ย้ำชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่มีปัญหาแล้ว

วันนี้ (13 ต.ค.) พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านปราสาทเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ ว่า หลังมีเหตุปะทะกันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา

เมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุด ความสัมพันธ์ทหารทั้งสองฝ่ายดีขึ้นและคืนสู่ปกติแล้ว มีการพูดคุยเข้าใจกันดี มั่นใจว่าไม่มีปัญหาแล้ว ที่ผ่านมา ทั้ง 2 ประเทศ เจรจาพูดคุยกันตลอด ผลการเจรจาเป็นไปในแนวทางที่ดี ทั้งสองฝ่ายเตรียมปรับลดกำลังทหาร ตามที่ได้ตกลงกันไว้ จากก่อนหน้านี้ปรับลดกำลังไปแล้วบางส่วน
แม่ ทัพภาคที่ 2 กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ทหารไทยทุกนายมีขวัญกำลังใจดี ทำหน้าที่รักษาอธิปไตยอย่างเต็มที่ สำหรับสถานการณ์บ้านเมืองเวลานี้ยังมีปัญหาวุ่นวาย ขอให้ประชาชนร่วมมือกันทำให้ประเทศชาติอยู่ในความสงบเรียบร้อย เพื่อคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็ว

โจรป่วนใต้กดบึมทหารพลาดเป้าชาวบ้านรับเคราะห์


ผู้ สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (13 ต.ค.) ว่า ตำรวจ สภ.บาเจาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดทหารชุดลาดตระเวนของหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน กองทัพเรือ บริเวณหน้าร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ เลขที่ 10/7 เขตเทศบาล ต.บาเจาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เป็นเหตุให้ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ 2 คน ทราบชื่อต่อมา คือ นางฟาตีเมาะ ตาและ อายุ 50 ปี และนางฟารีด๊ะอายีซู อายุ 42 ปี ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ส่วนทหารปลอดภัย

เบื้อง ต้นพบว่า คนร้ายได้ลักลอบนำระเบิดมาฝั่งไว้บริเวณหน้าร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ดังกล่าว และเมื่อทหารชุดลาดตระเวนของหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินกองทัพเรือผ่านมา จึงกดระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือแต่พลาดเป้า

เสียใจเหตุรุนแรง 7 ตุลา 'พัชรวาท' ลั่นยินดีรับผิดชอบ


ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (13 ต.ค.) ว่า เวลา 07.08 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) นำคณะนายตำรวจระดับสูงประกอบพิธีวางพานพุ่มดอกไม้ถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 4 และทำบุญเนื่องในโอกาสวันตำรวจ 13 ต.ค. ขณะเดียวกันมีประชาชนจากหลายจังหวัดเดินทางมาให้กำลังใจการปฏิบัติงานของตำรวจ

อย่าง ไรก็ตาม แม้ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมีการจัดกำลังไว้ดูแลความสงบเรียบร้อย แต่เมื่อชัดเจนแล้วว่า กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) จะไม่ไปชุมนุมที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในวันนี้ ทำให้บรรยากาศโดยทั่วไปผ่อนคลายมากขึ้น ส่วนประตูเข้าออกทั้งด้าน ถ.พระรามที่ 1 และ ถ.อังรีดูนังค์ ที่ถูกปิดและคล้องด้วยโซ่ขนาดใหญ่ก่อนหน้านี้นั้น ขณะนี้ ถูกเปิดตามปกติแล้ว

ด้าน พล.อ.พัชรวาท กล่าวภายหลังประกอบพิธีเนื่องในโอกาสวันตำรวจ 13 ต.ค. ถึง เหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา ว่า ตำรวจเสียใจมากที่เกิดการเสียชีวิตในการเปิดเส้นทางเข้าประชุมรัฐสภา อย่างไรก็ตาม ต้องรอการตรวจสอบข้อเท็จจริง ขณะนี้ คงจะแสดงอะไรออกมามากไม่ได้ โดยต้องรู้ข้อเท็จจริงทุกอย่างเสี่ยก่อน แต่ความรับผิดชอบทุกอย่างเชื่อว่า รัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องยอมรับ

ผู้ บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกลุ่มผู้ชุมนุมว่า อยากจะทำความเข้าใจสักเล็กน้อยเราประชาชนคนไทยด้วยกัน รักประเทศชาติเหมือนกัน รักสถาบันเหมือนกัน อยากให้ระลึกถึงตรงนี้ มากที่สุด