กรมศิลป์ฯ ส่งมอบพระโกศทองคำ-ช่อดอกไม้จันทน์

ผู้ สื่อข่าวรายงานวันนี้ (14 พ.ย.) ว่า กรมศิลปากร ส่งมอบพระโกศทองคำพระอัฐิ และช่อดอกไม้จันทน์ ให้สำนักพระราชวัง แล้ว พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ช่างสิบหมู่ประจำพระจิตกาธานบนพระเมรุ ในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ พรุ่งนี้ (15 พ.ย.)

ขณะ ที่มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงเพิ่มดอกไม้สีฟ้า หน้าทางขึ้นพระเมรุเพิ่มความสวยงามยิ่งขึ้น กรมประชาสัมพันธ์ ได้ทำหนังสือแจ้งการจัดนิทรรศการภายในพระเมรุ รวมทั้งขอความร่วมมือมายังกรมศิลปากร เพื่อขอให้นำราชรถน้อย พระยานมาศ และเครื่องประกอบในริ้วขบวนพระอิสริยยศ มาจัดแสดงที่บริเวณมณฑลพระเมรุ โดยจะเปิดให้ประชาชนเข้าชมระหว่างวันที่ 18-30 พฤศจิกายนนี้ นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดแสดงภาพศิลปกรรม พระประวัติ และพระกรณียกิจ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ของศิลปินทั้ง 84 ภาพด้วย

เสด็จบำเพ็ญพระราชกุศล ออกพระเมรุ'พระพี่นาง'


วันนี้ (14 พ.ย.) เมื่อ เวลาประมาณ 17.56 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต เข้าสู่พระบรมมหาราชวัง ในพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลออกพระเมรุ

จาก นั้นเสด็จฯ ขึ้นสู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ผ่านหมู่พระบรมวงศานุวงศ์ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะและเครื่องทองน้อยสักการะพระศพสมเด็จพระ เจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ชาวพนักงานประโคม สังข์ แตรงอน แตรฝรั่ง ปี่ และกลองชนะ ทหารกองเกียรติยศพระศพถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงมหาชัย

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจำ พระชนมวารของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ที่หน้าพระแท่นราชบัลลังก์นพปฎลมหาเศวตฉัตร โดยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงประทับยืนเคียงข้าง

ทั้งนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ถวายพัดรอง ที่ ระลึกงานออกพระเมรุพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ แด่สมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะที่จะถวายพระธรรมเทศนา และพระราชาคณะสวดศราทธพรต 30 รูป พระสงฆ์ที่จะสดับปกรณ์ 84 รูปเท่าพระชันษา บรรพชิตจีนและญวน 20 รูป

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรม โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยสำหรับพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทรงธรรม พระราชาคณะถวายศีลและถวายพระธรรมเทศนากัณฑ์ 1 แล้ว พระสงฆ์ 30 รูป สวด ศราทธพรต มีใจความกล่าวถึงปัจฉิมโอวาท สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก่อนเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน

ชื่นมื่น! บุชนำโอบามาชมทำเนียบขาว-จ้อเรื่อง สำคัญ


นายบารัก โอบามา ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ พานางมิเชล ภรรยา ว่าที่สตรีหมายเลข 1 เยือนทำเนียบขาวนาน 2 ชั่วโมง ตามคำเชิญของประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู. บุช เมื่อวันจันทร์ หรือตรงกับวันอังคารที่ 11 พ.ย. ตามเวลาในไทย บุชและนางลอรา สตรีหมายเลข 1 มายืนรอต้อนรับที่หน้าประตูใหญ่ทำเนียบขาว เซาท์ ปอร์ติโกก่อนพาเที่ยวชม แนะนำห้องหับและห้องทำงาน

โดยบุชพานายโอบามาแยกเดินเที่ยวชมห้องสำคัญๆรวมทั้งสำนักงานรูปไข่ ห้องทำงานของประธานาธิบดี ส่วนนางลอรานำนางมิเชลไปเดินชมห้องพักอาศัยและห้องนอนของเด็กๆที่ซึ่งเมเลียและซาชา ลูกสาว 2 คนของโอบามาและมิเชล จะเป็นลูกผู้นำสหรัฐฯอายุน้อยที่สุดที่ได้เข้าอยู่

นาย บุชยังหารือกับนายโอบามานานร่วมชั่วโมงโดยไม่มีการแถลงข่าว แต่นางดานา เปริโน โฆษกทำเนียบขาว แถลงว่า นายบุชอธิบายว่าเป็นการพบปะที่ดี สร้างสรรค์ ผ่อนคลายและเป็นมิตร และว่าผู้นำสหรัฐฯคนที่ 43 และว่าที่ผู้นำคนที่ 44 พูดคุยกันเรื่องภายในและระหว่างประเทศ โดยต่างกล่าวขอบคุณกันและกันสำหรับการต้อนรับอย่างอบอุ่นและความร่วมมืออย่างดีในการส่งมอบงานบริหาร

นายโรเบิร์ต กิบบ์ โฆษกนายโอบามา แถลงว่าทั้ง 2 คนหารือเรื่องเศรษฐกิจและนโยบายต่างประเทศ ข่าวระบุว่าโอบามาเสนอให้บุชแบ่งงบอุ้มเศรษฐกิจลอตล่าสุดไปช่วยภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ด้วย

หลัง เสร็จสิ้นการเยือนทำเนียบขาว นายโอบามา และภรรยา บินกลับนครชิคาโก เพื่อเตรียมงานด้านบริหารและคัดเลือกผู้มาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ แต่ผู้ช่วยของเขาระบุว่าจะยังไม่มีการประกาศรายชื่อรัฐมนตรีในสัปดาห์นี้ แม้ หลายฝ่ายกำลังรอลุ้นโดยเฉพาะเก้าอี้ รมว. คลัง แต่อาจมีการประกาศแต่งตั้งเจ้าพนักงานในระดับต่างๆ ขณะที่นายโอบามาจะไม่เป็นประธานาธิบดีเงา ระหว่างการส่งมอบอำนาจและจะไม่ร่วมประชุมกู้วิกฤติเศรษฐกิจโลก ซึ่งนายบุชเป็นประธานที่กรุงวอชิงตันใน 14-15 พ.ย.

ส่วน เรื่องพันธุ์สุนัขที่โอบามาสัญญาลูกๆว่าจะนำมาเลี้ยงในทำเนียบขาวยังไม่มี ข้อสรุป เพราะเมเลีย ลูกสาวคนโต เป็นโรคภูมิแพ้ขนสุนัข ล่าสุดนางเคลาเดีย กัลเวซ วัย 38 ปี ประธานสมาคมสุนัขไร้ขนแห่งเปรู เสนอมอบลูกสุนัขพันธุ์ไร้ขนวัย 4 เดือน ให้เลี้ยงและหวังว่าโอบามาจะยอมรับ ด้านบิลลี เรย์ ไซรัส นักร้องเพลงคันทรีชื่อดัง พ่อของไมลีย์ ไซรัส ลูกสาวและนักร้องนักแสดงวัยรุ่นชื่อดัง เจ้าของรายการทีวีสุดฮิต ฮันนาห์ มอนตานาเชิญลูกสาว 2 คนของโอบามามาร่วมรายการในเทปที่จะออกเดือน เม.ย. เนื่องจากเมเลียเป็นแฟนตัวยงของรายการ แต่ยังไม่มีการตอบรับ เพราะโอบามาไม่อยากให้ลูกสาวออกสื่อมากนัก.

ชงงบฯแสนล้านเข้าครม. ถึงมือรากหญ้าใน9เดือน


วันนี้ (12 พ.ย.) นายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมอีก 1 แสนล้านบาท ว่า อยู่ระหว่างหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดลำดับความสำคัญของโครงการ แต่ละโครงการให้ชัดเจน เชื่อว่าจะสรุปรายละเอียดทั้งหมดและนำเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาได้ภายในต้นเดือน ม.ค.ปีหน้า (2552) ก่อนนำเสนอให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป อย่างไรก็ตาม กรอบโครงการยังดำเนินการตามกรอบเดิมทั้ง 10 โครงการ ที่เคยผ่านการพิจารณาของ ครม. แล้ว แต่มีการปรับ ปรุงบ้างให้เหมาะสม เพราะมีโครงการด้านการท่องเที่ยว ด้านสาธารณสุข ด้านศึกษาธิการ ที่เสนอเข้ามาใหม่ แต่ยืนยันว่าทุกโครงการจะต้องเป็นประโยชน์ต่อประเทศมากที่สุด และเป็นไปอย่างโปร่งใส เนื่องจากต้องนำไปชี้แจงต่อสภาผู้แทนราษฎร

" เงินงบประมาณทุกกิจกรรมจะต้องถึงมือประชาชน ภายใน 9 เดือน เพื่อไม่ให้เศรษฐกิจทรุดมากเกินไป" นายโอฬาร ย้ำ ส่วนการเพิ่มค่าตอบแทนให้กับข้าราชการอีกร้อยละ 6 นั้น ยังไม่มีข้อสรุป เพราะยังอยู่ระหว่างการตีกรอบของโครงการและทำความเข้าใจร่วมกับส่วนราชการ โดยในวันนี้ได้หารือร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และ ในวันพรุ่งนี้ (13 พ.ย.) จะหารือร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งจะหารือเป็นรายกระทรวงเพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันให้ชัดเจนต่อไป

วัน เดียวกัน นายวรพล โสคติยานุรักษ์ รองประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อภิปรายเรื่อง "ควรทำอย่างไรให้เศรษฐกิจไทยมีผลกระทบน้อยที่สุดจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก" โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า วิกฤติการเงินโลกยังไม่จบ ในเดือน เม.ย.-พ.ค. 2552 จะเกิดระเบิดลูกใหม่ที่รุนแรงกว่าเดิมจากปัญหาผิดนัดชำระหนี้ในตรา สารอนุพันธ์ประกันความเสี่ยง (Credit Default Swap) หรือ CDS ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในช่วงเวลาดังกล่าวประมาณ 55 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และจะทำให้สถาบันการเงินที่ซื้อ CDS มี ปัญหาล้มเป็นลูกโซ่ กระทบภาวะเศรษฐกิจโลกยิ่งชะลอตัวลงไปอีก ทำให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในหลายประเทศติดลบ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้ธุรกิจต้องปิดกิจการ ดังนั้นรัฐบาลต้องเตรี ยมพร้อมเพื่อรับมือวิกฤติการเงินครั้งใหม่ที่รุนแรง ด้วยการเลิกทะเลาะกัน เร่งการลงทุนภาครัฐ เน้นการลงทุนในโครงการขนาดเล็กแทนโครงการขนาดใหญ่ และผ่านโครงการของรัฐวิสาหกิจมากขึ้น ดูแลผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) รับมือปัญหาการว่างงาน

ทาง ด้านนางอัจนา ไวความดี รองผู้ว่าการสายเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า แม้ว่าพื้นฐานเศรษฐกิจไทยจะมีความแข็งแกร่งมากกว่าวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 แต่รัฐบาลก็ต้องเร่งอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ และดำเนินนโยบายที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและประชาชนโดยเร็ว เพื่อประคองเศรษฐกิจไทยให้อยู่รอดให้ได้ เพื่อให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 2552 เติบโตร้อยละ 3-4 เพราะหากอัตราการขยายตัวต่ำกว่าร้อยละ 3 ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำกว่าศักยภาพของประเทศไทย บัณฑิตจบใหม่จะตกงาน นักธุรกิจจะไม่ขยายการลงทุน ดังนั้นรัฐบาลก็ต้องมีมาตรการช่วยเหลือดูแลคนตกงานและดูแลผู้มีรายได้น้อย อย่าง ไรก็ตามยังคงเชื่อว่า ปัญหาการว่างงานจะไม่รุนแรงเหมือนวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 ที่อัตราการขยายตัวติดลบร้อยละ10 มีคนว่างงานถึง 1.4 ล้านคน

นางอัจนา กล่าวว่า สภาพคล่องในระบบการเงินไม่ได้มีปัญหา โดยยังมีสภาพคล่องส่วนเกินอยู่ถึง 1.1 ล้านล้านบาท แต่ สาเหตุที่สภาพคล่องลดลง ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากมีการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ถึง 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งการที่ธนาคารพาณิชย์มีการปล่อยสินเชื่อมากเป็นการสนับสนุนให้ธุรกิจขยาย กิจการได้ แต่ก็ยอมรับว่าในอนาคตธนาคารพาณิชย์จะ เน้นปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจขนาดใหญ่มากกว่าเอสเอ็มอี และเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ธปท. จะดำเนินนโยบายการเงินเพื่อเอื้อต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจมากขึ้น พยายามยืดหยุ่นกฎระเบียบไม่ให้ตึงตัวเกินไป และต้องไม่ทำให้เกิดภาวะการขาดความเชื่อมั่น เพื่อที่จะหนุนให้เศรษฐกิจประคองตัวได้

ขณะที่นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการ และผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ดัชนีราคาหุ้นไทยคงจะไม่ปรับลดลงไปถึงระดับ 207 จุด เหมือนกับปี 2540 เพราะพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันมีความแข็งแกร่งมาก และเชื่อว่าดัชนีราคาหุ้นที่ระดับ 380 จุด เป็นระดับที่ต่ำสุดแล้ว แต่ก็ยอมรับว่าเป็นห่วงปัญหาวิกฤติการเงินโลกที่ทำให้เกิดการเทขายหุ้นทั่วโลกในช่วงที่ผ่านมา และปัญหาการเมืองในประเทศที่ยังยืดเยื้อ ซึ่ง อยากให้ยุติโดยเร็ว เพราะไม่ต้องการให้ดัชนีหุ้นไทยดิ่งลงไปอีก รวมทั้งอยากเห็นการทำงานที่ประสานกันระหว่างนโยบายการเงินและการคลัง เพื่อประคองเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไป

“ชมพู่” ถึงคิว “งานเข้า” โดนโยนขี้ให้เกาเหลา “พลอย”


โรคเกาเหลาระบาดวงการบันเทิงไปถึงรุ่นแม่ ดารากันแล้ว ล่าสุด แม่พลอย-เฌอมาลย์ ออกมาแฉว่า แม่ขวัญ-อุษามณี เล่าให้ฟังว่า ชมพู่-อารยา เอฮาร์เก็ต เป็นคนปล่อยข่าวว่า แม่พลอย กับ แม่ขวัญ เกาเหลากัน แล้ว ชมพู่ ซึ่งโดนโยนขี้เต็มๆจะพูดว่ายังไงมั่ง? “จริงๆ ก็มีโอกาสคุยกับพลอยแล้วค่ะ พลอยก็เข้าใจ บอกว่าไม่ต้องคิดมากเลย คือไม่ได้ซีเรียส ไม่ได้ใส่ใจตั้งแต่แรกแล้ว คือจริงๆแล้วระหว่างชมกับพลอยเหมือนจะมีเรื่องที่ควรจะบาดหมางกันตั้งหลาย เรื่องแล้ว ชมไม่มีโอกาสได้เคลียร์ ไม่มีโอกาสได้คุยกันเลย เจอตามงานก็แค่ทักทายกันเท่านั้น จนกระทั่งเรื่องนี้มาถึงหูชม แล้วชมรู้สึกว่ามันไม่ได้แล้ว ชมก็เลยโทร.คุยกัน เค้าก็บอกว่า เฮ้ย ไม่ซีเรียส คือก็ดีใจที่เพื่อนเข้าใจค่ะ แล้วก็ขอบคุณคุณแม่คุณพลอยด้วยที่เป็นผู้ใหญ่และเข้าใจในเรื่องนี้” ไม่สบายใจกับข่าวที่เกิดขึ้นมั้ย? “เออ ก็คิดว่ามันก็ผ่านมาเดี๋ยวก็ผ่านไป คิดแบบปลอบใจตัวเอง ข่าวชิ้นนั้นเดี๋ยวมันก็เป็นถุงกล้วยแขกไปแล้ว ไม่อยากใส่ใจอะไรมาก สิ่งนึงที่อยากจะบอกคือชมเองก็ไม่อยากให้ใครมายุ่งเรื่องของชมเหมือนกัน เพราะฉะนั้นชมก็คงไม่ยุ่งเรื่องของใคร”

กับคุณแม่ขวัญรู้จักกันเป็นการส่วนตัวมั้ย? “อ๋อ รู้จักค่ะ ก็เจอกันตามงานบ่อย” พูดคุยปรับความเข้าใจกันมั้ย? “คงไม่มีอะไรมั้งคะ ก็ชมเป็นเด็กค่ะ ก็คงอยู่ส่วนเด็กดีกว่า” ฝากอะไรถึงคุณแม่ขวัญบ้าง? “ก็คงไม่มีอะไรค่ะ เจอก็คงยกมือไหว้ตามปกติค่ะ” แล้วกระทบกระเทือนจิตใจมั้ย? “ก็เค้าก็โดนกันทั้งนั้นนี่คะ ใช่มั้ย ก็คงเป็นตาของเราบ้าง” เสียความรู้สึกมั้ยเจอแบบนี้? “ไม่หรอก เรื่องบางเรื่องเราไม่ได้ ยินกับหูเอง อย่าไปปักใจอะไร” ทางแม่ ขวัญปักใจเชื่อว่าชมพู่พูดเรื่องที่ขวัญร้องไห้? “ตอนนั้นชมก็ไม่เห็นว่าน้องเค้าเป็นอย่างนั้น เห็นว่าเค้าก็ปกติดี ก็ยังมานั่งคุยอยู่ด้วยกันเลย ไม่รู้สิ งง!” มองหน้ากันติดมั้ย ถ้าเกิดเจออีกครั้งนึง? “ชมมืออาชีพอยู่แล้วพี่ ค่ะ ก็ยกมือไหว้ได้” แล้วกับตัวขวัญเองล่ะ? “ก็ไม่มีอะไรค่ะ เด็กค่ะ น้องเป็นเด็ก”.

โยนอสส.นำทักษิณกลับ ปัดไม่รู้อุทธรณ์หรือไม่


วันนี้ (11 พ.ย.) นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมที่กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อเตรียมเข้าร่วมประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศความร่วมมือทางเศรษฐกิจแห่ง เอเชียแปซิฟิก (เอเปค) ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 20-23 พ.ย.นี้ ที่กรุงลิมา ประเทศเปรู เพื่อรับทราบข้อมูลกำหนดการเยือน กำหนดการเดินทาง หัวข้อในการประชุมและสารัตถะ ในโอกาสนี้ รัฐบาลเปรูเชิญตนเองเยือนเปรูอย่างเป็นทางการ เพื่อสานต่อกรอบความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและพลังงาน

นายก รัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่าไม่ได้เพิกเฉยต่อการการนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย โดยให้เหตุผลว่าอัยการสูงสุดเป็นผู้รับผิดชอบและดำเนินการในเรื่องนี้อยู่ แล้ว รัฐบาลคอยให้การสนับสนุน นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังปฏิเสธว่าวันนี้ไม่ได้มีการพูดคุยกับ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ถึงกรณีดังกล่าว เนื่องจากการดำเนินการมีระบบอยู่แล้ว จึงเห็นว่าไม่ควรเสียเวลาหมกมุ่นจนไม่มีเวลาทำเรื่องอื่น โดยให้ความสำคัญกับปัญหาเศรษฐกิจเป็นเรื่องใหญ่รวมถึงปัญหาปากท้องและปัญหา อุทกภัย

อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรีปฏิเสธที่จะแสดงจุดยืนว่า ส่วนตัวเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ควรกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยหรือไม่

ด้าน นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะดำเนินการยื่นอุทธรณ์กรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการ เมืองพิพากษาจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก หรือไม่ โดยเป็นเรื่องของทีมทนายความว่าจะดำเนินการ อย่างไรต่อไป ยังไม่ได้รับแจ้งจาก นายคำนวณ ชโลปถัมภ์ หัวหน้าทีมทนายความ ถึงความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว

นอกจากนี้ นายพงศ์เทพ ยังปฏิเสธว่าไม่ทราบว่าขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ พำนักอยู่ที่ประเทศใดเนื่องจากไม่ได้ติดต่อกันเลยในระยะนี้

สำนัก ข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายราอิส ยาติม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซีย แถลงวันนี้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยังไม่ได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่มาเลเซียเพื่อขออนุญาตเข้าประเทศ แต่รัฐบาลมาเลเซียไม่มีปัญหาใดๆ หากอดีตนายกรัฐมนตรีของไทยต้องการแวะผ่านมาเลเซีย เพราะเห็นว่าไม่ได้สร้างความเสียหายแก่ผู้ใด แต่หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการพักอาศัยอยู่ในมาเลเซียก็จะต้องมีการพิจารณาในรายละเอียด

อย่าง ไรก็ตาม นายยาติม ไม่ได้แสดงท่าทีชัดเจนในการตอบคำถามของผู้สื่อข่าวที่ถามว่า มาเลเซียจะพิจารณาให้สถานะผู้ลี้ภัย หรือปฏิเสธการขอลี้ภัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยกล่าวเพียงว่า มาเลเซียยังไม่สามารถที่จะกล่าวได้ชัดเจนในเรื่องนี้ เพราะยังไม่มีเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น

ก่อน หน้านี้นายฉิน กัง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เดินทางมาพักผ่อนที่จีนเมื่อเร็วๆ นี้ แต่ไม่มีรายละเอียดใดๆ

'ทักษิณ'โผล่จีน


วันนี้(10 พ.ย.) สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า กำลังจะเดินทางออกจากประเทศจีน โดยไม่ได้ระบุสถานที่ปลายทาง พร้อมประกาศจะต่อสู้เล่นงานกับศัตรูทางการเมือง

ด้านสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานด้วยว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักงานอัยการประจำกิจการต่างประเทศเปิดเผยว่า ตอนนี้อัยการกำลังจับตาดูว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะไปพำนักลี้ภัยในประเทศไหน หลังจากที่อังกฤษตัดสินยกเลิกวีซ่า และแม้จะลี้ภัยไปอยู่ในประเทศที่ไม่มีสนธิสัญญาผู้ร้ายข้ามแดนกับไทย แต่ไทยก็สามารถยื่นเรื่องขอตัวพ.ต.ท.ทักษิณ ได้ ตามหลักการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทั้งนี้ตามรายงานยังระบุว่า ประเทศในแถบแอฟริกา อย่างบาฮามาส,เบอร์มิวด้า และอีกหลายประเทศ ซึ่งไม่มีสนธิสัญญาผู้ร้ายข้ามแดนกับไทย ได้เสนอที่จะให้ที่ลี้ภัยแก่อดีตนายกฯ.

'ทักษิณ' เผยรอยเตอร์ ยันไม่ได้อยู่ฟิลิปปินส์


วันนี้ (10 พ.ย.) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ได้ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ ระบุว่า ขณะนี้พำนักอยู่ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน และกำลังจะเดินทางต่อไปยังสถานที่ที่ไม่ขอเปิดเผย พร้อมกับปฏิเสธข่าวจากสื่อมวลชนของไทย ที่ระบุว่าจะไปพำนักที่ประเทศฟิลิปปินส์ โดยยกเลิกความพยายามที่จะขอลี้ภัยในอังกฤษแล้ว

ทาง ด้าน ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังจากที่อังกฤษมีคำสั่งถอนวีซ่า ว่า ตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอิน เมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา ยังไม่ได้ติดต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่อย่างใด จึงไม่ทราบว่าขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ที่ไหน แต่การกระทำของทางการอังกฤษนั้นขาดความสง่างาม เพราะการถอนวีซ่าทำให้อังกฤษเสียหาย โดยเฉพาะในเวทีการเมืองโลก

ร. ต.ท.เชาวริน กล่าวว่า ที่ผ่านมาอังกฤษบอกว่าเป็นประเทศต้นแบบระบอบประชาธิปไตย ต่อต้านการรัฐประหาร แต่เรื่องการถอนวีซ่านั้น ทั้งที่รู้อยู่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกยึดอำนาจโดยคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และพำนักอยู่ในอังกฤษมานาน และยังมีธุรกิจอยู่ในอังกฤษจำนวนมาก จึงไม่ทราบว่าเรื่องนี้อังกฤษกลัวอะไร

เมื่อถามว่าการถอนวีซ่าครั้งนี้เป็นเพราะการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ ร.ต.ท.เชาวริน กล่าว ว่า การโฟนอินไม่มีอะไรเสียหาย และคงไม่ใช่สาเหตุการถอนวีซ่า รวมถึงกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินจำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ 2 ปี เนื่องจากคำตัดสินนั้น ชนะด้วยเสียง 5 ต่อ 4 และ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้เป็นผู้ซื้อที่ดินรัชดาฯ เห็นได้ว่ากระบวนการที่จะให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ผิด มีการวางขั้นตอนมาตั้งแต่สมัย คมช.เข้ายึดอำนาจแล้ว

" เชื่อว่าหมู่เกาะบาฮามาสจะให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นพลเมืองกิตติมศักดิ์อย่างแน่นอน จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ก็สามารถใช้หนังสือเดินทางในฐานะพลเมืองกิตติมศักดิ์ดังกล่าวเดินทางไปได้ ทุกประเทศทั่วโลก ถึงแม้ทางการไทยถอดถอนหนังสือเดินทางเล่มแดงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปก็ตาม ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ จะขอลี้ภัยอยู่ที่เมืองจีนเลยหรือไม่นั้น ผมไม่ทราบ" ร.ต.ท.เชาวริน กล่าว

ขณะ ที่นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเมื่อถอนแล้ว สามารถขอใหม่ได้ อย่าลืมว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีธุรกิจ บ้าน อยู่ในอังกฤษ ไม่ใช่พลเมืองที่หลักลอย แต่คงวิจารณ์กันมากไม่ได้ถึงสาเหตุของการถอนวีซ่า เพราะแต่ละประเทศย่อมมีเหตุผลแตกต่างกัน

ส่วน กรณีที่หมู่เกาะบาฮามาสจะให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นพลเมืองกิตติมศักดิ์นั้น นายประชา กล่าวว่า ไม่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะไปอยู่ที่ไหน มีคนยินดีจะให้อยู่อยู่แล้ว เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนมีความรู้ มีความสามารถ ทำประโยชน์ให้กับประเทศนั้น ๆ ทั้งนี้ไม่ต้องการให้หลายฝ่ายไปวุ่นวายสอบถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ที่ไหน เพราะถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล หากไปวุ่นวายมาก พ.ต.ท.ทักษิณ อาจกลับเข้ามาอยู่ในประเทศไทยก็ได้

ผู้ สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ นายเตช บุนนาค อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะขอลี้ภัยอยู่ที่ประเทศจีน นายประชา กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องดังกล่าว แต่ส่วนตัวเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ มีเพื่อนและคนรู้จักอยู่ในประเทศจีนเป็นจำนวนมาก แต่เท่าที่ทราบขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้อยู่ที่เกาะบาฮามาส หรือประเทศฟิลิปปินส์อย่างที่มีข่าว

ตร.เตรียมแผน-กำลังเสริมรับมือเหตุความรุนแรง

พลตำรวจโทสุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลตรวจเยี่ยมการรักษาความปลอดภัยของกลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ที่เดินทางมาร่วมรายการความจริงวันนี้สัญจรที่สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน เปิดเผยว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่มีเหตุการณ์รุนแรงแต่อย่างใด โดยยืนยันสามารถควบคุมสถานการณ์ได้โดยทางเจ้าหน้าที่ได้เตรียมกำลังเสริมจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลจำนวน 3กองร้อย และตำรวจปฏิบัติการพิเศษ 191 จำนวน 2 กองร้อย พร้อมกำลังทหารจาก 3เหล่าทัพรวม 22 กองร้อย

ทั้งนี้ หากมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นคาดว่าจะเป็นกลุ่มมือที่ 3ซึ่งที่ตนกังวลมากที่สุด คือ วัตถุระเบิดโดยจะใช้มาตรการป้องกันอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ เชื่อว่าถ้าผ่านพ้นเวลาประมาณ 23.00 น.ไปได้ ก็จะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงแต่อย่างใดและอยากฝากถึงกลุ่มผู้ชุมนุม ทั้งกลุ่มพันธมิตรฯ และกลุ่ม นปช.ให้ทุกฝ่ายสร้างความสามัคคี เพราะต่างฝ่ายต่างเป็นคนไทยด้วยกัน

พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 กล่าวว่าเบื้องต้นยังไม่ปรากฏรับแจ้งเหตุวุ่นวายแต่อย่างใด ขณะเดียวกันได้เตรียมเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อสนับสนุนหากเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายไว้อีก 1,000 นาย และประสานไปยังทหาร อีก 300นาย ให้อยู่ที่ในที่ตั้ง เพื่อเป็นกำลังสนับสนุนอีกช่องทางหนึ่งและทางผู้ดำเนินรายการยืนยันเป็นการนัดพบปะกันไม่มีการเคลื่อนกำลังหรือใช้ความรุนแรง

นอกจากนี้ ยังประสานขอกำลังเพิ่มจากทหารเพื่อความไม่ประมาทมั่นใจจะไม่มีเหตุรุนแรง แต่ห่วงหลังเลิกรายการในเวลา 22.00 น.วันนี้ (1พ.ย.) อาจมีการกระทบกระทั่งและการเมาสุราอาละวาดเพราะเป็นการรวมตัวกันของคนหมู่มากรวมทั้งกำชับให้ตำรวจที่ดูแลกลุ่มพันธมิตรฯ เข้มงวดการรักษาความปลอดภัยเพื่อไม่ให้อีกกลุ่มมาเผชิญหน้า

อย่างไรก็ตาม อยากฝากถึงกลุ่มพันธมิตรฯให้รีบตัดสินใจเปิดเส้นทางจราจรทั้งหมดเพื่อการซ้อมใหญ่งานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในวันพรุ่งนี้ (2 พ.ย.)เป็นไปอย่างสมพระเกียรติ

'น้องโอ'เหยื่อรับน้องโหดสิ้นใจแล้วตั้งศพวัดท่าบันเทิงธรรมจ.นนทบุรี

นางนันทพร อินทาโชติ มารดา นายนิโรจน์ศักดิ์ อินทาโชติ หรือ น้องโอ วัย16 ปี นักศึกษา ปวช. ชั้นปีที่ 1แผนกช่างไฟฟ้าโรงเรียนโพลีเทคนิคพณิชยกรุงเทพ ย่านเขตทวีวัฒนากรุงเทพฯ  เหยื่อรับน้องโหด เปิดเผย ทั้งน้ำตาว่า เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (1 พ.ย.)  น้องโอ ได้สิ้นใจแล้ว หลังแพทย์ระบุ สมองตายและหัวใจหยุดทำงาน สำหรับศพของน้องโอนั้นจะมีการนำไปตั้งบำเพ็ญกุศล ที่วัดท่าบันเทิงธรรม อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ในช่วงเย็นนี้

ทั้งนี้ น้องโอ ถูกรุ่นพี่ ปวช.ปี 3 และรุ่นพี่ที่จบการศึกษาแล้วพาไปรับน้อง ที่บังกะโลวงศ์จันทร์ หมู่ 2 ต.หาดเจ้าสำราญ อ.เมืองเพชรบุรีเมื่อวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมาแล้วรุ่นพี่ซื้อเหล้าขาวผสมน้ำแดงมาดื่มจนเมาสั่งให้นายนิโรจน์ศักดิ์กับเพื่อนกอดคอทิ้งตัวลงบนพื้นทรายให้ใบหน้ากระแทกพื้นในลักษณะ “ทิ้งดิ่ง”จนสมองบวมเนื่องจากศีรษะถูกกระแทกอย่างรุนแรง นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเพชรบุรี โดยถูกรุ่นพี่สั่งให้ทิ้งดิ่งจนกระทั่งหมดสติ และถูกหามส่งโรงพยาบาล ซึ่งการนี้ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ทรงรับทราบข่าว ก็ได้พระราชทานเงินช่วยเหลือ 2 แสนบาทขณะที่รุ่นพี่ น.ส.ณัฐกานต์ หรือบิว ศรีคลัง อายุ 20 ปีก็ถูกตำรวจควบคุมตัวดำเนินคดี

ราชินี พระราชทานทรัพย์ช่วยค่าใช้จ่ายศพ “น้องโอ”

นางนันทพร อินทาโชติ มารดา นายนิโรจน์ศักดิ์ อินทาโชติ หรือน้องโอ วัย 16 ปี นักศึกษา ปวช. ชั้นปีที่ 1แผนกช่างไฟฟ้าโรงเรียนโพลีเทคนิคพณิชย์กรุงเทพ เหยื่อรับน้องโหดซึ่งได้เสียชีวิตลงแล้ว เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เปิดเผยว่า ผู้ว่าฯเพชรบุรีได้ประสานมายังตนว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถได้มีพระเมตตา พระราชทานความช่วยเหลือช่วยค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการเคลื่อนย้ายศพ น้องโอ จาก ร.พ.พระจอมเกล้าจ.เพรชบุรี ไปตั้งบำเพ็ญกุศล ที่ วัดท่าบันเทิงธรรม จ.นนทบุรีซึ่งตนรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างมากเพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ก่อนที่ น้องโอ เสียชีวิตพระองค์ท่านได้ให้ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ติดต่อ เพื่อสอบถามอาการน้องโออย่างใกล้ชิด ซึ่งถือเป็นกำลังใจกับครอบครัวเป็นอย่างมาก

สำหรับ ศพของน้องโอ จะได้มีการเคลื่อนจาก ร.พ.พระจอมเกล้า มายังวัดท่าบันเทิงธรรม เย็นนี้ โดยทาง ผู้ว่าฯนนทบุรีจะได้รับเป็นเจ้าภาพในการสวดพระอภิธรรม ขณะที่ ทางโรงเรียนและรุ่นพี่ของน้องโอเตรียมที่จะเดินทางมาไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้ายด้วยเช่นกันแต่ยังไม่รับรับคำยืนยันจาก น.ส.ณัฐกานต์ หรือ บิว ศรีคลัง อายุ 20 ปีรุ่นพี่ ซึ่งเป็นคนสั่งทิ้งดิ่งจน น้องโอ ต้องจบชีวิตว่าจะเดินทางมาร่วมงานหรือไม่

นายสมเกียรติ กิจพาณิชย์รองผู้อำนวยการโรงเรียนโพลีเทคนิคพณิชย์กรุงเทพ กล่าวว่าสำหรับค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพิธีบำเพ็ญกุศลศพนายนิโรจศักดิ์ นั้นทางโรงเรียนรับผิดชอบทั้งหมดส่วนความคืบหน้าการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีรุ่นพี่รับน้องรุนแรงนั้นขณะนี้ทางคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงอยู่ระหว่างตรวจสอบซึ่งมีความคืบหน้าแล้วกว่า 80%โดยคณะทำงานได้ติดตามสอบทั้งรุ่นพี่ปัจจุบันและศิษย์เก่าที่บ้านซึ่งส่วนใหญ่จะไม่อยู่บ้านจึงให้รุ่นพี่และผู้ปกครองลงบันทึกและรับทราบการเดินทางไปเที่ยวของนักศึกษาครั้งนี้ และอนุญาตให้ไป โดยยอมรับว่าโรงเรียนไม่ทราบเรื่อง อย่างไรก็ตามจะสอบสวนเพิ่มเติมจากรุ่นพี่ศิษย์ปัจจุบันหลังเปิดเทอมภาค 2คือวันจันทร์ที่ 3 พ.ย.นี้ เพื่อให้ผลสอบสวนสมบูรณ์

นายดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ผู้อำนวยการโรงเรียน หัวหน้างานปกครองกล่าวว่า ได้โทรศัพท์แสดงความเสียใจต่อครอบครัวน้องโอแล้วส่งหัวหน้างานปกครองของโรงเรียนดำเนินการอำนวยความสะดวกดูแลทุกอย่างพร้อมให้หัวหน้าแผนกไฟฟ้า นำรถตู้รับผู้ปกครองและญาติน้องโอกลับกรุงเทพฯด้วย ทั้งนี้ ย้ำว่าทางโรงเรียนจะดูแลเต็มที่ รับเป็นเจ้าภาพงานศพให้เพราะถือว่าครอบครัวน้องโอเป็นครอบครัวเดียวกันส่วนวัดที่จะนำศพน้องโอมาบำเพ็ญกุศลนั้นเบื้องต้นผู้ปกครองต้องการจัดงานที่วัดท่าบันเทิงธรรม อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรีเนื่องจากอยู่ใกล้บ้าน

เผยอาโอบามาอยู่ในสหรัฐอย่างผิด กม. คนอเมริกันแห่ใช้สิทธิล่วงหน้า

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานอ้างแหล่งข่าวที่ขอสงวนนามจากสำนักงาน
บังคับคดีกลางของสหรัฐ ว่า นางซีตูนี ออนยังโก วัย 56 ปี ซึ่งนายโอบามา
เรียกว่า “อาซีตูนี” ในหนังสือของเขา

ถูกผู้พิพากษาศาลพิจารณาคดีคนเข้าเมืองสหรัฐสั่งเนรเทศออกนอกประเทศ
หลังจากศาลปฏิเสธคำร้องขอที่ลี้ภัยของเธอเมื่อปี 2547 
โดยนางออนยังโก อาศัยในการเคหะทางตอนใต้ของนครบอสตัน มานาน 5 ปี
แต่แหล่งข่าวไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับคดี
ซึ่งเป็นคดีที่ไม่ต้องพิจารณาในระบบศาลอาญา นอกจากนี้
ยังไม่ชัดเจนว่าเธอมีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์อาศัยในการเคหะดังกล่าวหรือไม่
ทั้งที่ถูกศาลสั่งเนรเทศออกนอกประเทศ
ด้านโฆษกของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐ ระบุว่า
รัฐบาลไม่แสดงความเห็นเรื่องสถานะของพลเมือง หรือคดีคนเข้าเมือง

นางออนยังโก เป็นญาติที่นายโอบามาไม่เคยกล่าวถึงระหว่างการหาเสียง
เหมือนกับพ่อ และย่า ชาวเคนยาของเขา
ซึ่งข่าวนี้มีขึ้นเพียงไม่กี่วันก่อนถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
และแสดงให้เห็นถึงคำสั่งที่มีนัยทางการเมืองของฝ่ายบริหารของประธานาธิบดี
จอร์จ ดับเบิลยู บุช ที่เปิดเผยเรื่องนี้ในช่วงใกล้การเลือกตั้ง


วันเดียวกัน ประชาชนทั่วสหรัฐ
ยังคงหลั่งไหลกันออกมาใช้สิทธิลงคะแนนล่วงหน้าเพื่อเลือกตั้งผู้นำสหรัฐคน
ใหม่กันแน่นขนัด
ก่อนเปิดให้ประชาชนใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าจะยุติลงในวันศุกร์ตามเวลาท้อง
ถิ่น มีรายงานว่าจนถึงช่วงเช้าวันศุกร์
ประชาชนในรัฐจอร์เจียได้ไปใช้สิทธิกันแล้วถึง 1,770,000 คน คิดเป็น 31%
ของจำนวนผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้ง 5,600,000 คนในรัฐนี้


ส่วนที่รัฐอื่นๆ
มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งไปเข้าแถวยาวเหยียดเพื่อรอลงคะแนน
สภาพการณ์ดังกล่าวทำให้พรรคเดโมแครต
เรียกร้องไปยังเจ้าหน้าที่ของรัฐให้ขยายเวลาเปิดคูหาเลือกตั้งล่วงหน้าต่อไป
จนถึงวันเลือกตั้ง เพื่อให้ประชาชนที่เข้าแถวรอได้ลงคะแนนกันอย่างทั่วถึง
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า
จนถึงวันศุกร์นี้มีชาวอเมริกันใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าทางไปรษณีย์แล้ว
มากกว่า 455,000 คน


ทั้งนี้
บรรดาผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์กัน
มากที่สุดในรอบหลายสิบปี หรืออาจจะถึงร้อยปีที่ผ่านมา
เครื่องบ่งชี้อย่างหนึ่งก็คือการที่มีผู้ออกมาเลือกตั้งล่วงหน้ากันเป็น
จำนวนมากนั่นเอง
ประกอบกับพยากรณ์อากาศก็บ่งชี้ว่าสภาพอากาศจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการเดินทางมา
ลงคะแนนแต่อย่างใด


ไมเคิล แมคโดนัลด์ จากมหาวิทยาลัยจอร์จ เมซอน และเคอร์ติส แกนส์
ผู้อำนวยการคณะกรรมการเพื่อการศึกษาการเลือกตั้งอเมริกันของมหาวิทยาลัย
อเมริกัน
เป็นคนที่คาดการณ์ว่าจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์ครั้งนี้จะสูงกว่าเมื่อครั้งที่
แล้ว และสูงที่สุดในรอบร้อยปีเลยทีเดียว โดยแกนส์กล่าวว่า
มีเรื่องขับเคลื่อนมาจากการที่ชาวอเมริกัน 90%
คิดว่าประเทศกำลังดำเนินไปในทิศทางที่ผิด


ด้านองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐ (นาซา) กล่าวว่า
นักบินอวกาศสหรัฐ 2 คน ได้แก่ ไมค์ ฟิงค์ ผู้บังคับการ และ เกร็ก
ชามิทอฟฟ์ วิศวกรการบิน
ซึ่งขณะนี้กำลังปฏิบัติภารกิจอยู่ที่สถานีอวกาศนานาชาติ
จะได้ใช้สิทธิเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน
เช่นเดียวกับชาวอเมริกันคนอื่นๆ
โดยจะใช้สิทธิผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อมสัญญาณกับศูนย์อวกาศจอห์นสัน
ในเมืองฮิวสตัน รัฐเทกซัส