'จตุพร' ลั่นแตกหักขวัญชัย ยันไม่เดินซ้ำรอยพันธมิตร

วันนี้ (31 ม.ค.) นายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้ดำเนินรายการความจริงวันนี้ กล่าวถึงการชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดง วันนี้ (31 ม.ค.) ที่ สนามหลวง ภายใต้ชื่อ 'แดงทั้งแผ่นดิน' ว่า กิจกรรมบนเวที เริ่มเวลาประมาณ 15.00 น. ด้วยการแสดงดนตรี และในเวลา 16.30 น. จะเริ่มการปราศรัยโดยทีมงานความจริงวันนี้และแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตย ขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เนื้อหาเน้นความไม่ชอบธรรมของรัฐบาล ซึ่งจะต่างจากครั้งก่อน ที่ใช้ชื่อว่า ไม่ไว้วางใจอภิสิทธิ์ อย่างไรก็ตาม จะไม่มีการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี

นาย จตุพร กล่าวด้วยว่า ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้เจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในช่วงที่คนเสื้อแดงจะเคลื่อนการชุมนุมจากสนามหลวง มายังทำเนียบรัฐบาล ในเวลา 21.00 น. ซึ่งทราบว่าจะมีการตั้งจุดสกัด 4 จุด ยืนยันว่า คนเสื้อแดงจะไม่เข้าไปในทำเนียบฯ หรือทำในสิ่งที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เคยทำเมื่อครั้งยึดทำเนียบฯ เป็นสถานที่ชุมนุม

นอกจากนี้ นายจตุพร ยังกล่าวปฏิเสธกระแสข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โทรศัพท์ มาไกล่เกลี่ยข้อขัดแย้ง ระหว่างนายจตุพร กับนายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำกลุ่มคนรักอุดร พร้อมระบุว่า ไม่มีอะไรต้องเจรจากัน แตกหักกันไปแล้ว เพราะรับไม่ได้ที่มาพูดจาให้เกิดความเสียหายกับกลุ่มคนเสื้อแดง คงไม่มีอะไรมาประสานได้ และว่า การ ชุมนุมหลายครั้งที่ผ่านมา นายขวัญชัยก็ไม่ได้เกี่ยวข้อง จึงไม่จำเป็นต้องออกมาบอกว่าจะไม่มาร่วม และในการดำเนินการครั้งต่อๆ ไป ผู้ดำเนินรายการความจริงวันนี้ก็จะไม่เชิญนายขวัญชัยเข้าร่วม

ไม่ให้ประกันแรมบ้า ข่มขืนถ่ายคลิปป.โท

ความคืบหน้ากรณีตำรวจ บก.ปดส. จับกุมนายสุรชัย วิวัฒนชาติ หรือเอ็ม
แรมบ้า ร่วมกับนางธนวรรณ คล้ายแพร ภรรยา
ก่อเหตุลวงนักศึกษาสาวปริญญาโทไปมอมยาขืนใจ
แล้วถ่ายคลิปวีดิโออุบาทว์เก็บไว้แบล็กเมล์ ต่อมาเมื่อเวลา 13.00 
น.  วันที่  30  ม.ค.  ที่ บก.ปดส. 
พ.ต.อ.ณพวัฒน์ อารยางกูร ผกก.1 บก.ปดส. พ.ต.ท.คณธัช มุสิกานนท์ รอง ผกก.1
บก.ปดส. สั่งการให้พนักงานสอบสวนเบิกตัวนาย สุรชัย วิวัฒนชาติ อายุ 33 ปี
หรือ “เอ็ม แรมบ้า” และ นางธนวรรณ คล้ายแพร อายุ 42 ปี ภรรยา
ออกจากห้อง ควบคุมตัวไปสอบปากคำเพิ่มเติม 
และให้ผู้เสียหายชี้ตัวตามขั้นตอนกฎหมาย 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่เดินออกมาจากห้อง ควบคุม
นายสุรชัยยังคงมีสีหน้ายิ้มแย้มทักทายสื่อมวลชนที่มาดักรอบันทึกภาพ
จากนั้นพนักงานสอบสวนได้นำตัว
นายสุรชัยและนางธนวรรณไปยังห้องสอบสวนเพื่อรอทำการชี้ตัว
แต่ปรากฏว่าผู้ต้องหาทั้งสองปฏิเสธที่จะให้ ผู้เสียหายชี้ตัว
โดยอ้างว่ารู้จักกันอยู่แล้ว พนักงานสอบสวน จึงทำบันทึกไว้เป็นหลักฐาน
ก่อนจะนำตัวไปผัดฟ้องฝากขัง ครั้งแรกที่ศาลอาญา


นายสุรชัยกล่าวกับผู้สื่อข่าวระหว่างรอส่งตัวไปผัดฟ้องฝากขังว่า
ตนยังรักน้องเขาอยู่ จะให้ทำอย่างไรดี
จะโกรธจะเกลียดอย่างไรก็ขอให้มาลงที่ตน เพราะแฟนตน ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร
และก็รักทั้งสองคน แต่คงทำตามที่ น้องเขาเคยขอทั้ง 3 ข้อ ไม่ได้
ถ้าจะให้แต่งงานคงต้อง แต่งงานกับนางธนวรรณ เพราะผูกพันมา 8 ปีแล้ว ดูแล
กันมาตลอด สำหรับน้องคนนี้เคยพาไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกัน 
ก็ถือว่าเป็นแฟนอีกคน  ยังเคยพาไปฝากครรภ์ จะเรียกว่าเป็นสามีก็ได้
เพียงแต่ยังไม่ได้จดทะเบียน จะว่าไปก็เป็นเรื่องในครอบครัว
ซึ่งไม่น่าจะออกมาแบบนี้ จริงๆ แล้วคุยกันดีๆก็ได้


ผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องคลิปวีดิโอ  นายสุรชัยตอบว่า
ก็ได้รับเหมือนกัน อยากจะถามน้องเขาว่าเก็บไว้คนเดียว หรือเปล่า 
เพราะออกมาแบบนี้ตนและแฟนก็เสียหาย เหมือนกัน คือเราอยู่กันเป็นแฟนกัน
บางทีก็มีถ่ายไว้สนุกสนาน แต่เมื่อหลุดไปก็ต้องช่วยกันดู อย่ามาโทษกันเอง
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ใครเป็นผู้ถ่าย นายสุรชัยกล่าวว่า ผลัดกัน เขา
เป็นคนถ่ายบ้าง ตนถ่ายบ้าง เมื่อถามว่า พาผู้เสียหายไป ฝากครรภ์ที่ไหน
นายสุรชัยกล่าวเพียงว่า เคยไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลวิภาวดี
แต่แท้งลูกที่โรงพยาบาลรามฯ 2 


ด้าน  พ.ต.อ.ณพวัฒน์กล่าวว่า 
สำหรับการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งสองให้การปฏิเสธ  ขอให้การชั้นศาล
ส่วนการควบคุมตัวนั้นผู้ต้องหาได้ติดต่อขอยื่นประกันตัว
ในชั้นพนักงานสอบสวน โดยใช้หลักทรัพย์ 5 ล้านบาท แต่ทาง พล.ต.ต.ชัยวัฒน์
เกตุวรชัย ผบก.ปดส. ไม่อนุญาตเนื่องจากเห็นว่า 
หากได้รับการประกันตัวผู้ต้องหาอาจ จะเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน 
และข่มขู่ผู้เสียหาย ในส่วนของหลักฐานที่ตรวจยึดมาได้
ไม่ว่าจะเป็นฮาร์ดดิสก์ คอมพิวเตอร์ของผู้ต้องหา แผ่นซีดี
ได้ประสานให้เจ้าหน้าที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที)
เข้า ร่วมตรวจสอบเพื่อความโปร่งใส สำหรับผู้ต้องหาในคดีนี้ มีเพียง 2 ราย
ส่วนผู้เสียหายขณะนี้ก็ยังคงมีอาการหวาดกลัว อยู่ตลอดเวลา 
และยังอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่อย่างใกล้ชิด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
นอกจากผู้เสียหายเข้าแจ้งความ ต่อพนักงานสอบสวน บก.ปดส.
แล้วก่อนหน้านี้ผู้เสียหายยังได้เข้าร้องทุกข์ขอความคุ้มครองจากกรมสอบสวน
คดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม
เพื่อขอความคุ้มครองหลังจากถูกผู้ต้องหาข่มขู่คุกคามจนเกิดความหวาดผวา


ต่อมาเมื่อเวลา 14.00 น. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ร.ต.อ.นำชัย
ยกย่องกุล พนักงานสอบสวนกองปราบปรามการกระทำผิดต่อเด็ก เยาวชนและสตรี (บก.
ปดส.) พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ ได้ควบคุมตัวนายสุรชัย และนางธนวรรณ คล้ายแพร
ผู้ต้องหาคดีข่มขืนถ่ายคลิป สาวปริญญาโท ไปฝากขังต่อศาลเป็นเวลา 12 วัน
ตั้งแต่ วันที่ 30 ม.ค. ถึง 10 ก.พ. 52 เนื่องจากต้องรอสอบปากคำพยานอีก 6
ปาก รอผลตรวจสอบประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา
จากกองทะเบียนประวัติอาชญากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 


คำร้องบรรยายพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 16 เม.ย. ถึง 20 ส.ค. 51
นายสุรชัยและนางธนวรรณได้ ร่วมกันข่มขืนใจ หน่วงเหนี่ยวกักขัง
และข่มขืนกระทำชำเรานางสาวเอ๋ (นามสมมติ) อายุ 22 ปี ผู้เสียหาย
บริเวณห้องนอนชั้น 2 ของห้างหุ้นส่วนจำกัด อินเตอร์เนชั่นแนลดีเทคทีฟ
(ไทยแลนด์) ที่เกิดเหตุ ซึ่งนายสุรชัย
ใช้เป็นที่พักและสถานที่ทำงานหลายครั้งด้วยกัน
โดยใช้อาวุธปืนข่มขู่ผู้เสียหาย และในขณะข่มขืนผู้เสียหายนั้น
นายสุรชัยได้บันทึกภาพไว้ในกล้องวีดิโอคอมพิวเตอร์
และโทรศัพท์เพื่อใช้บังคับข่มขู่ผู้เสียหาย
จึงถูกนายสุรชัยกระทำชำเรามาโดยตลอด
ภายหลังผู้เสียหายหลบหนีมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ทั้งนี้
นายสุรชัยยังได้ส่งภาพขณะร่วมเพศกับนางธนวรรณและผู้เสียหาย
ไปยังมารดาและเพื่อนของผู้เสียหายให้ได้รับความอับอาย
การกระทำของผู้ต้องหาทั้งสอง เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83,
276, 309, 310, 326 และ 328
โดยในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา 


ท้ายคำร้องระบุด้วยว่า ผู้ต้องหาประกอบอาชีพ
รับจ้างสืบสวนสะกดรอยติดตามบุคคล มีอาวุธปืนในครอบครองหลายกระบอก
หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว อาจไปข่มขู่ หรือยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
ประกอบกับผู้เสียหายหวาดกลัวผู้ต้องหา จึงขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา
ขณะที่ผู้ต้องหาทั้ง 2 ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นโฉนดบ้านพร้อมที่ดิน
ในย่านซอยอารีย์มูลค่า 5 ล้านบาทเศษ ขอประกันตัว


ต่อมาศาลพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดี ความหนักเบาแห่งข้อหา
ประกอบกับคำคัดค้านของพนักงานสอบสวนแล้ว
เชื่อว่าจำเลยจะเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานข่มขู่พยาน
จึงไม่อนุญาตให้ประกันตัว ให้เจ้าหน้าที่
ราชทัณฑ์นำตัวนายสุรชัยไปขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ส่วนนางธนวรรณ
นำไปควบคุมตัวที่ทัณฑสถานหญิงกลางต่อไป 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุรชัย หรือเอ็ม วิวัฒนชาติ
ระหว่างถูกคุมขังในเรือนจำกลางคลองเปรม
ในคดีใช้กำลังทำร้ายร่างกายอดีตภรรยา  อ้วน-อารีวรรณ จตุทอง
อดีตรองนางสาวไทย เป็นเวลา 6 ปีนั้น ได้ปฏิบัติตัวอยู่ในระเบียบ
จนได้เลื่อนชั้นเป็นนักโทษชั้นดี
มีหน้าที่นำนักโทษป่วยไปรักษาที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลกลางราชทัณฑ์
กระทั่งมีความสนิทสนมรักใคร่ชอบพอกับนางธนวรรณ พยาบาลประจำทัณฑสถาน
รพ.กลางราชทัณฑ์ กระทั่งนายเอ็มพ้นโทษ เมื่อปี 2548
ทั้งคู่ได้ใช้ชีวิตร่วมกันฉันสามีภรรยา จนมาเกิดเรื่องดังกล่าว

ห่วง 'สาวล่าแต้ม' วอนสื่ออย่าโหมกระแสแฟนเด็ก

นักศึกษาระดับ ปวส .และปริญญาตรี ล่าแต้ม มีเพศสัมพันธ์กับเด็กประถมศึกษาปีที่ 6 ว่า เชื่อว่าเป็นผู้มีปัญหาทางสภาพจิตใจ ซึ่งการตั้งเป้าหมายชีวิต ในลักษณะนี้ถือเป็นการขาดทักษะทางชีวิต เพราะความเชื่อเรื่องการมีแฟนมาก มีเพศสัมพันธ์มาก อาจนำมาซึ่งปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ โรคทางเพศสัมพันธ์ และโรคเอดส์

“ ปัจจุบันพบอัตราแม่วัยรุ่นตั้งครรภ์สูงขึ้น และเป็นผู้ที่อายุน้อยลงเรื่อยๆ ดังนั้นผู้ปกครองหรือกลุ่มเพื่อน ควรหันมาสนับสนุนการตั้งเป้าหมายในชีวิตที่ดีงาม แข่งกันทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมจะดีกว่า” น.พ.ชาตรี กล่าว

ทั้ง นี้ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวด้วยว่า สื่อมวลชนจะต้องไม่สร้างค่านิยมว่าการมีแฟนเด็กเป็นเรื่องที่เหมาะสม ทั้งในหมู่ศิลปิน นักกีฬา หรือแม้แต่การ์ตูน ภาพทางอินเตอร์เน็ต เพราะความสัมพันธ์ต่างวัยมาก ใช่ว่าจะยืดยาว และราบรื่นสมหวังทุกคู่ จึงไม่ควรเอาเป็นแบบอย่าง โดยปกติผู้หญิงต้องการผู้ชายที่อายุมากกว่า เพราะมีความสามารถด้านการทำงาน ให้คำปรึกษา และฐานะที่มั่งคง ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่หากมองแค่เรื่องเพศสัมพันธ์อย่างเดียว นับว่าน่าห่วง เพราะเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ยั่งยืน

ผลสอบคดีขริบจู๋ แพทย์ผิด มีโทษถึงจำคุก2ปี

กรณีนางน้อย (นามสมมติ) อายุ 45 ปี ชาวบ้านใน อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ได้พา ด.ช.เอ (นามสมมติ) อายุ 12 ปี ลูกชาย นักเรียนชั้น ป.6 โรงเรียนมีชื่อแห่งหนึ่งใน อ.พระประแดง เข้าร้องทุกข์กับผู้ดำเนินรายการที่สถานีวิทยุพิทักษ์สันติราษฎร์ สวพ.เอฟเอ็ม 91 ว่า ถูกแพทย์ ประจำคลินิกเวชกรรมมหาชน ตั้งอยู่เลขที่ 305-306/1 ใกล้วัดพญาปราบปัจจามิตร ถนนนครเขื่อนขันธ์ ต.ตลาด อ.พระประแดง รักษาโรคผิดวัตถุประสงค์ของผู้ป่วยคลินิกในโครงการหลักประกันสุขภาพ โดยไปรักษาปากเป็นแผลแต่แพทย์กลับไปขริบปลายอวัยวะเพศให้ กระทั่งกระทรวงสาธารณสุขตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบข้อเท็จจริงนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 27 ม.ค. นพ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข เผยว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการสอบข้อเท็จจริงโดยมี นพ.ปัญญา กีรติหัตถยากร เป็นประธาน ส่วนคณะกรรมการประกอบด้วย ตัวแทนแพทยสภา ตัวแทนสภาการพยาบาล ตัวแทนสภาทนายความ นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ผู้ทรงคุณวุฒิจากกองประกอบโรคศิลปะและผู้เกี่ยวข้อง ได้สรุปผลการสอบว่า แพทย์มีความผิดตามมาตรา 34 (1) แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาล 2541 ฐานไม่ควบคุมดูแลให้ผู้ประกอบวิชาชีพตรงตามสาขาที่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หลังจากนี้จะส่งเรื่องให้แพทยสภาพิจารณาด้านจริยธรรมต่อไป

อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวอีกว่า ส่วนพยาบาลที่เป็นผู้ทำการขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ จะได้ส่งเรื่องให้สภาการพยาบาลพิจารณาในด้านการ ประกอบวิชาชีพตามกฎหมายเช่นกัน และทราบว่าหลังเกิดเรื่องขึ้นทางคลินิกได้ให้การดูแลเด็กผู้เสียหายเป็น อย่างดีจนกระทั่งแผลหายดี ทั้งรอยแผลผ่าตัดที่ปากและแผลที่ขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ โดยทราบว่าทางคลินิกจะดูแลอย่างดีที่สุดไปจนกระทั่งเด็กโตเป็นหนุ่ม ขณะเดียวกัน ก็จะมีการพิจารณาชดเชยทางด้านคุณธรรมตามความเหมาะสมด้วย

ขณะที่ นพ.ปัญญา กีรติหัตถยากร ประธานคณะอนุกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กล่าวว่า สำหรับความผิดของพยาบาลที่เป็นผู้ขริบอวัยวะเพศผู้เสียหายนั้น คณะอนุกรรมการฯจะส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการสถานพยาบาล ที่มี นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ เป็นประธาน เพื่อพิจารณา หากมีความเห็นตามคณะอนุกรรมการฯ จึงจะดำเนินการนำเรื่องส่งฟ้องศาล ส่วนการลงโทษตามกฎหมายมีความรุนแรงหรือไม่นั้นอยู่ที่ดุลยพินิจของศาล สำหรับสถานพยาบาลขณะนี้สามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ เนื่องจากความผิดพลาดที่เกิดขึ้นไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต อีกทั้งจากการตรวจสอบเครื่องมือและการรักษาพยาบาลก็ไม่ได้ผิดมาตรฐาน เพียงแต่ไม่มีผู้ควบคุมในขณะปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น

ด้าน นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า หากเด็กผู้เสียหายเกิดปมด้อย เพราะถูกเพื่อนๆล้อจนเป็นปัญหาสุขภาพจิตขึ้น และต้องการได้รับความช่วยเหลือ ทางกรมสุขภาพจิตยินดีที่จะช่วยเหลือ โดยที่ จ.สมุทรปราการ ก็มีโรงพยาบาลยุวประสาทไวทโยปถัมภ์ ที่มีจิตแพทย์ด้านวัยรุ่นอยู่

เย็นวันเดียวกัน หลังทราบผลการสอบสวนของ คณะอนุกรรมการสอบข้อเท็จจริง กระทรวงสาธารณสุข ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่คลินิกเวชกรรมมหาชน ถนนนครเขื่อนขันธ์ ต.ตลาด อ.พระประแดง ขอพบ นพ.ศิริพงศ์ ถมสุวรรณ เจ้าของคลินิก เพื่อสอบถามความเห็น แต่ไม่พบตัวทราบจากเจ้าหน้าที่ว่า นพ.ศิริพงศ์ออกไปธุระข้างนอก

สมัครถึงไทยดอดขึ้นรถตู้ หนีสื่อ-เสื้อแดงรอเก้อ

นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ไปผ่าตัดรักษาโรคมะเร็งที่เมืองฮุสตัน สหรัฐอเมริกา ได้เดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ด้วยสายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์เที่ยวบินที่ ยูเอ 0891 พร้อมภรรยาและลูกสาว จากนั้น ได้พานายสมัครขึ้นรถตู้สีดำ ทะเบียน ศร 3333 จากด้านในของสนามบิน และขับรถหลบสื่อมวลชนออกทางประตูด้านข้างไป ทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงที่มารอรับผิดหวังและทยอยเดินทางกลับบ้าน

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2551 นายสมัคร สุนทรเวช ได้เดินทางไปรักษามะเร็ง และได้ทำการผ่าตัดรักษาไปรอบหนึ่งแล้ว หลังจากนี้จะต้องมีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อในบริเวณตับให้ฟื้นตัวอย่างน้อย ร้อยละ 40 ก่อนจึงจะทำการผ่าตัดครั้งต่อไปได้ นายสมัครจึงเดินทางกลับประเทศไทยเพื่อทำการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เมื่อได้ครบแล้ว จึงจะเดินทางไปยังเมืองฮุสตันอีกครั้ง

รายงาน ข่าวแจ้งว่า ในการเดินทางไปรักษาโรคมะเร็งครั้งนี้ สภาพร่างกายของนายสมัครโดยทั่วไปยังคงเป็นปกติ แต่มีข่าวจากคนใกล้ชิดว่านายสมัครซูบผอมลงไปมาก เนื่องจากน้ำหนักลดลงไปถึง 20 กิโลกรัม อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับอาการทั้งหมดนั้น นายสมัครคงจะไม่ให้ข่าวกับสื่อมวลชน เนื่องจากต้องการความเป็นส่วนตัว

อุตฯไฟฟ้าประกาศลดกำลังผลิต ผู้บริหารโตชิบาขอลดเงินเดือน20%

ผู้ประกอบการเครื่องใช้ไฟฟ้า ดิ้นรับมือวิกฤติเศรษฐกิจ ระบุออเดอร์ส่งออกหดตัวต่อเนื่อง คาดว่าปีนี้หดถึง 50% ประกาศลดกำลังการผลิตสินค้าเกือบทุกรายการ ผู้บริหารระดับสูงโตชิบาโชว์สปิริต งดรับโบนัส-ขอลดเงินเดือนลง 20%

ดร. ขัติยา ไกรกาญจน์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เริ่มส่อเค้าและชะลอตัวมาตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายปี 2551 โดยเฉพาะสถานการณ์การส่งออก ซึ่งตลอดปีที่ผ่านมาในช่วงเริ่มต้น ทางกลุ่มวางเป้าหมายว่าจะต้องมีการขยายตัวที่ 10%

แต่เมื่อสิ้นสุดถึงเดือนตุลาคมภาพรวมยังโตที่ 8% และเมื่อจบ 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย. 2551) การเติบโตลดลงเหลือ 5% และคาดว่าจบทั้งปี 2551 จะมีการขยายตัวแค่ 2-3% เท่านั้น

ทั้งนี้ ประธานกลุ่มให้เหตุผลว่า สถานการณ์ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เริ่มส่อเค้าการชะลอตัวมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2551 โดยเฉพาะเดือนพฤศจิกายนที่ยอดการส่งออกลดลง 20% และเดือนธันวาคมที่ผ่านมาลดลงถึง 50% ด้วยเหตุนี้ที่ทำให้ภาพรวมในอุตสาหกรรมนี้จำเป็นต้องมีการปรับลดพนักงานบาง ส่วน โดยเริ่มมาตั้งแต่การลดเอาท์ซอร์ส การไม่บรรจุพนักงาน มาถึงการปรับลดโอที และล่าสุดคือการลดเวลาการทำงานลงแล้ว โดยในหนึ่งสัปดาห์มีการลดวันทำงานลง 1-2 วัน

"ทุกอย่างเป็นสเต็ปหรือเป็นขั้นตอนมาตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายปีที่ผ่านมา ตอนนี้หลายแห่งให้พนักงานลดวันทำงานลง เพื่อพยุงบริษัทซึ่งดีกว่าการให้ออก สำหรับตัวเลขของบุคลากรในอุตสาหกรรมนี้ที่หายไป ผมยังไม่มีตัวเลขอย่างเป็นทางการ แต่เชื่อว่าหายไปหลายหมื่นคน จากตัวเลขทั้งหมด 5.8 แสนคน ส่วนภาพรวมของปีนี้คาดว่าจะเป็นปีที่ตัวเลขการส่งออกหดตัวถึง 50%"

นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานบริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด เปิดเผยว่า สถานการณ์ภาพรวมตลาดทั้งในประเทศและการส่งออกชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด โดยผู้ประกอบการแต่ละค่ายพยายามปรับกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อพยุงบริษัทให้อยู่รอด สำหรับโตชิบาล่าสุดผู้บริหารระดับสูงทั้งโตชิบา ไทยแลนด์ และบริษัทในเครือบางแห่งได้แสดงสปิริตด้วยการขอปรับลดเงินเดือนลง 20%

การปรับลดเงินเดือนของผู้บริหารโตชิบาไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แต่เคยเกิดขึ้นมาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อปี 2540 ซึ่งเป็นช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง โดยในครั้งนั้นผู้บริหารได้แสดงความสมัครใจด้วยการขอลดเงินเดือนลง 30% และไม่เพียงแค่ในระดับสูงเท่านั้น แต่ในระดับรองลงมาระดับผู้จัดการก็ได้แสดงความสมัครใจขอลดเงินเดือนเช่น เดียวกัน สำหรับวิกฤติในครั้งนี้ผู้บริหารโตชิบายืนยันว่าเป็นความสมัครใจของแต่ละ บุคคลเช่นเดียวกัน เนื่องจากนโยบายของบริษัทไม่มีการปลดพนักงาน

"ที่ผ่านมาเริ่มต้นที่พนักงานสมัครใจด้วยการขอไม่ต้องจัดงานปีใหม่ รวมถึงผู้บริหารบางคนยกเลิกพนักงานขับรถ หันมาขับเอง ขณะที่โรงงานบางแห่งในเครือโตชิบาเราได้ลดกำลังผลิตบางตัวลงแล้ว ลดเวลาการทำงาน แต่ก็สินค้าบางรายการยังมีการผลิตที่ดีอยู่ เช่น ตู้เย็น สำหรับการส่งออกขณะนี้โตชิบายังไม่ได้รับผลกระทบ เพราะเรามีออเดอร์ตายตัวถึงไตรมาสแรก แต่ออเดอร์ของเดือนเม.ย.ยังไม่มา ซึ่งเราต้องประเมินสถานการณ์อีกครั้งหนึ่ง ขณะเดียวกันสินค้าที่เคยต้องผลิตเพื่อตุนไว้รับในช่วงซีซันนั้นก็จะไม่มีการ ผลิตตุนไว้เหมือนในอดีต"

ผู้บริหารยืนยันว่า แม้จะมีการลดเงินเดือนและปรับลดกำลังผลิต แต่สิ่งที่โตชิบายังต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องคือ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เพื่อพยุงยอดขายให้ได้ตามเป้าที่วางไว้หรือไม่ให้ทรุดลงจากปีที่ผ่านมา และส่วนหนึ่งมาจากที่ต้องช่วยเหลือดีลเลอร์ด้วย เพราะในยามที่เศรษฐกิจชะลอตัวแบบนี้ ดีลเลอร์จะได้รับผลกระทบหนัก หากบริษัทแม่ไม่ให้การช่วยเหลือก็ไม่สามารถอยู่รอดได้ในบางราย

นอกจากนี้สิ่งที่กำลังดำเนินการอยู่ก็คือ การให้พนักงานส่วนอื่นๆ มาร่วมกันช่วยขายสินค้า โดยบริษัทได้มีการจัดเทรนนิ่งในส่วนของการเป็นนักขายให้กับพนักงานที่มีความ สนใจ และหากขายได้บริษัทก็ให้อินเซนทีฟเป็นค่าตอบแทน เพื่อช่วยเหลือพนักงานส่วนหนึ่ง

แหล่งข่าวจากบริษัท แอลจี อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ยอมรับว่าในไลน์การผลิตสินค้าบางตัวมีออเดอร์จากต่างประเทศลดลง โดยเฉพาะเครื่องซักผ้าและไมโครเวฟ ที่การผลิตลดลงต่อเนื่อง แต่สินค้าที่ยังขยายตัวคือ เครื่องปรับอากาศ

สำหรับนโยบายของแอลจีนั้นยังไม่มีการปรับลดพนักงาน เนื่องจากบริษัทจะมองถึงอนาคตด้วย จำเป็นต้องรักษาบุคลากรที่ดีไว้ อย่างไรก็ตามทางโรงงานได้มีการประกาศให้ทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ หากปีนี้ใครไม่สามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้จะมีการปรับลดตำแหน่งลงมา

“ทุกวันนี้แอลจีมีการผลิตตามออเดอร์ แต่ยอมรับว่าช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาออเดอร์ลดลง โดยเฉพาะไมโครเวฟที่ตลาดตกลงมาก ส่วนหนึ่งผู้บริโภคมองว่าไม่ใช่เป็นสินค้าจำเป็น ประกอบกับที่ผ่านมาสินค้าตัวนี้ถูกนำไปจัดแคมเปญ ด้วยการเป็นของแถมกับรายการอื่นจำนวนมาก จึงทำให้การซื้อลดลง ขณะเดียวกันที่ผ่านมาชิ้นส่วนบางตัวนำเข้ามาช้าซึ่งเกิดจากการปิดสนามบิน สุวรรณภูมิ ทำให้เราผลิตสินค้าไม่ได้ ลูกค้าจึงยกเลิกการสั่งซื้อบางส่วน”

แหล่ง ข่าวจากบริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวยอมรับว่าขณะนี้บริษัทได้มีการปรับลดไลน์การผลิตลงเกือบทุกรายการ เฉลี่ยอยู่ที่ 20% โดย ไมโครเวฟ ลดลงมากกว่า 20% จากปกติที่มีการผลิต 2 แสนยูนิตต่อเดือน “ยังไม่มีสินค้าตัวไหนที่ต้องถึงขั้นปิดไลน์การผลิต เพราะยังมีบางตัวที่เรามีออเดอร์เพิ่ม เช่น แอลซีดี ทีวี สินค้ากลุ่มนี้ยังมีโอที เพราะตลาดตะวันออกกลางยังมีความต้องการสูง สำหรับออเดอร์ส่งออกเราต้องประเมินสถานการณ์ในไตรมาสสองกันอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม บริษัทแม่ได้ส่งสัญญาณให้ทางเมืองไทยเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ เช่น การลดค่าใช้จ่ายลงให้มากที่สุด”

ไร้อุปสรรคออนแอร์ดีทีวี ทดลองออกอากาศพรุ่งนี้

นนี้ (18 ม.ค.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้ดำเนินรายการทางสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมดีทีวี กล่าวถึงความพร้อมก่อนการทดลองออกอากาศครั้งแรกของดีทีวีในเวลา 06.00 น.วันพรุ่งนี้ (19 ม.ค.) ว่า ขณะนี้ดีทีวีมีความพร้อมออกอากาศได้ทันที และจะมีความพร้อมเต็มที่ในวันที่ 1 มี.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นวันเริ่มออกอากาศอย่างเป็นทางการ สำหรับการเปิดตัวออกอากาศในนามดีทีวีครั้งแรกนี้ จะเป็นรายการสดครั้งพิเศษ โดย มีรูปแบบสนทนาการเมืองในประเด็นต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม นับจนถึงขณะนี้ยังไม่พบอุปสรรคใดที่จะขัดขวางการออกอากาศของดีทีวี หากฝ่ายรัฐทำอย่างนั้นก็เท่ากับเลือกปฏิบัติระหว่างเอเอสทีวี และดีทีวี ซึ่งได้ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายทุกขั้นตอน

แทงดับนักศึกษา 'เทคนิคกรุงเทพ' หน้ามาบุญครอง

รุมยำนักศึกษาราชมงคลกรุงเทพปี 4 ก่อนใช้มีดแทงดับอนาถ ระหว่างเหยื่อยืนรอรถเมล์กลับบ้านอยู่ฝั่งตรงข้ามห้างมาบุญครอง หลังเดินปรี่เข้ามาถามเรียนสถาบันไหน ตำรวจสงสัยเป็นอริต่างสถาบันก่อเหตุโหดกลางกรุง เตรียมนำรูปถ่ายผู้ต้องสงสัยให้เพื่อนผู้ตายดูแล้ว

นักศึกษาราชมงคลกรุงเทพถูกสถาบันอริรุมฆ่ากลางกรุง เกิดขึ้นเมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 15 ม.ค. พ.ต.ท. ธัชชัย บุญเพ็ง พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.ปทุมวัน รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาทมีผู้ได้รับบาดเจ็บ บริเวณริมถนนฝั่งตรงข้ามห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง ถนนพญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กทม. จึงรุดไปสอบสวน

ที่เกิดเหตุพบเพียงรอยเลือด ส่วนผู้บาดเจ็บมีพลเมืองดีนำส่งโรงพยาบาลจุฬาฯ ทราบชื่อนายนิกรชัย รอดเจริญ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32/8 หมู่ 5 ต.บางกระเจ้า อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เป็นนักศึกษาชั้นปี 4 คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ มีบาดแผลถูกแทงที่หน้าท้อง 1 แห่ง และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

สอบสวนทราบว่า หลังเลิกเรียน ผู้ตายพร้อมเพื่อนอีกหลายคนไปเดินเที่ยวเล่นที่ห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง กระทั่งห้างปิดบริการจึงข้ามฝั่งถนนมายืนรอรถประจำทางกลับบ้าน ระหว่างนั้นมีกลุ่มนักศึกษาไม่ทราบสถาบัน เข้ามาถามว่าเรียนที่ไหน พอผู้ตายบอกชื่อสถาบันนักศึกษา

กลุ่ม ดังกล่าวได้ฮือล้อมกรอบทำร้าย เกิดการชกต่อยชุลมุนก่อนผู้ตายจะถูกแทงล้มลง ขณะที่คู่กรณีถูกมีดแทงได้รับบาดเจ็บเช่นกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยุแจ้งตำรวจท้องที่ใกล้เคียงให้ตรวจสอบผู้บาดเจ็บโดนมีด แทงตามโรงพยาบาลในพื้นที่ บก.น.6 แต่ยังไม่พบ

อย่าง ไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนจะนำรูปนักศึกษาสถาบันในละแวกที่เกิดเหตุและอริ เก่าไปให้เพื่อนผู้ตายดูว่าใช่กลุ่มผู้ก่อเหตุหรือไม่ หลังเพื่อนผู้ตายจำหน้าได้บางคน สำหรับนายนิกรชัย รอดเจริญ เหยื่อนักเรียนนักเลงรายนี้เป็นที่น่าเสียดาย เพราะอีก 2 เดือนก็จะเรียนจบแล้ว

ลุยค้นเขาโจรป่วนใต้ เจอระเบิดเพียบ

รัฐบาล “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ประกาศเดินหน้าลุยแก้ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เต็มสูบ อนุมัติตั้งคณะกรรมการรัฐมนตรีดับไฟใต้เป็นกรณีพิเศษ โดยนายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ครม.เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 13 ม.ค.ว่า ครม.อนุมัติตั้งคณะกรรมการรัฐมนตรีพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ประกอบด้วย จ.นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา และสตูล จำนวน 18 คน มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นรองประธาน คณะกรรมการชุดนี้มีรัฐมนตรีเป็นกรรมการทั้งหมด 16 คน ส่วนอีก 2 คนเป็นข้าราชการ มีหน้าที่ดูแลเรื่องนโยบายการพัฒนาและอนุมัติงบประมาณในการพัฒนาพื้นที่ พิเศษภาคใต้ในทุกเรื่อง ทั้งด้านเศรษฐกิจ การศึกษา การลงทุน และคมนาคม “ในวันที่ 17 ม.ค. นายกฯจะลงพื้นที่ จ.ยะลา เพื่อติดตามสถานการณ์และรับฟังปัญหาภายในพื้นที่ ยืนยันการทำงานของคณะกรรมการชุดนี้ จะไม่ซ้ำซ้อนกับ ศอ.บต. เพราะ ศอ.บต.จะทำหน้าที่เป็นฝ่ายปฏิบัติ” นายถาวรสรุป

ด้านนายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม.ว่า ครม.เห็นชอบการขยายต่ออายุ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ออกไปอีก 3 เดือน ตามที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เสนอมา เริ่มตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค.-19 เม.ย. 2552 เนื่องจากการใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ดังกล่าว ช่วยให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มขีดความสามารถในการขยายผลจับกุมผู้กระทำผิด อีกทั้งผู้ก่อความไม่สงบยังคงมีแผน ก่อความไม่สงบในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องขอขยายเวลาประกาศ พ.ร.ก.ฉบับนี้ออกไป อย่างไรก็ตาม นายกฯ กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการขอขยายเวลาการใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินครั้งต่อไป ให้ประมวลเหตุการณ์ว่าการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉบับนี้ช่วยการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพด้านใดบ้าง และอยากทราบความคืบหน้าคดีด้านความมั่นคงในพื้นที่ว่าเป็นอย่างไร พร้อมให้ทำสถิติด้านการใช้นิติวิทยาศาสตร์ในการสืบหาผู้กระทำผิดในพื้นที่ เกิดประโยชน์ในการทำงานเพียงใด และประชาชนมีความพอใจ พ.ร.ก.นี้หรือไม่

ต่อมาเวลา 16.30 น. วันเดียวกัน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เดินทางเข้าพบนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อหารือถึงสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง ก่อนเปิดเผยว่า รองนายกฯได้แจ้งให้ทราบถึงการตั้งคณะกรรมการรัฐมนตรีพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และได้สั่งการให้เตรียมการบรรยาย สรุปให้นายกรัฐมนตรีในการเดินทางลงพื้นที่ภาคใต้ในวันที่ 17 ม.ค.นี้ เพื่อให้รัฐบาลได้เห็นแนวทางการทำงานที่ผ่านมา ก่อนที่จะปรับไปตามกรอบใหม่ของรัฐบาล สำหรับความปลอดภัยในตัวนายกรัฐมนตรีและ ครม.นั้น ขอยืนยันว่าปลอดภัยแน่นอน พล.อ.อนุพงษ์กล่าวต่ออีกว่า สำหรับความร่วมมือของมวลชนกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ก็เป็นไปอย่างดีมาก แต่ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ก็ยังจำเป็นอยู่ แต่หากสถานการณ์ดีขึ้นก็จะแจ้งให้รัฐบาลทราบอีกทีหนึ่ง เพื่อจะได้ไม่ต้องต่อการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปอีก

ที่สนามบินกองทัพอากาศดอนเมือง เช้าวันเดียวกัน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. กล่าวขณะเตรียมตัวขึ้นเครื่องบินเดินทางไปตรวจเยี่ยมเจ้าหน้าที่ตำรวจใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า จากการประเมินสถานการณ์ สถานการณ์ก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2551 การก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาพรวมทุกอย่างลดน้อยลง ทั้งในเรื่องของจำนวนเหตุการณ์ ผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บ ซึ่งนโยบายในช่วงปี 2552 จะยึดถือแนวยุทธศาสตร์เดิม และการตั้ง ศปก.จชต. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงโปรดเกล้าฯลงพระปรมาภิไธยเรียบร้อยแล้ว รอเสนอจัดตั้งหน่วยงาน ซึ่งจะเป็นรูปแบบของศูนย์ปฏิบัติการพิเศษสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ใช่ บช.ภ.10 ซึ่งสามารถยุบศูนย์ลงได้หากเหตุการณ์ความไม่สงบลดลง ก็ถือว่าศูนย์ดังกล่าวหมดความจำเป็น

ส่วนเรื่องที่รัฐบาลอนุมัติจัดตั้ง ครม.พิเศษแก้ปัญหาภาคใต้ พล.ต.อ.พัชรวาทกล่าวว่า เป็นเรื่องฝ่ายการเมือง แต่ข้าราชการประจำ ทั้ง กอ.รมน.และ ศปก.ตร.สน.ยะลาเองต้องทำหน้าที่ปกติ สำหรับตำรวจมีหน้าที่หลักในการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งต้องใช้หลักนิติวิทยาศาสตร์ให้ครบถ้วน และลดเงื่อนไขต่างๆสำหรับคนในพื้นที่ ซึ่งผลการทำงานที่ผ่านมาในภาพรวมถือว่าสถานการณ์ลดลง และมีการจับกุมผู้กระทำความผิดได้มากขึ้น และภายหลังจากเข้าประชุมสรุปสถานการณ์ที่ ศปก.ตร.สน.ยะลา จาก พล.ต.ท. อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ ผบช.ศปก.ตร.สน.ยะลาแล้ว พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. นางสมถวิล วงษ์สุวรรณ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจพร้อมคณะฯได้เดินทางเยี่ยมผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจาก เหตุการณ์ก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ที่ รพ.ศูนย์ยะลา และ รพ.สงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

ขณะเดียวกันก็ยังมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 13 ม.ค. พ.ต.ท.อาคม บัวทอง สวญ.สภ.บ้านโสร่ง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี นำกำลังรุดไปตรวจสอบเหตุนายอับดุลเลาะ บือแน อายุ 36 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.กอลำ อ.ยะรัง ถูกคนร้ายประกบยิงขณะขี่รถ จยย.มาตามถนนสายชนบทหมู่เดียวกันกระเด็นตกจากรถ จยย.เสียชีวิตคาที่ คาดเป็นฝีมือโจรใต้สร้างสถานการณ์รายวัน

อีกเหตุการณ์เมื่อเวลา 07.45 น. วันที่ 13 ม.ค. พ.ต.ท. สนิท สุดทองคง สารวัตรเวร สภ.ทุ่งลง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา รุดไปตรวจสอบเหตุรถกระบะโตโยต้า ทะเบียน บจ 5053 นราธิวาส เสียหลักพุ่งตกลงไปในร่องกลางถนนเพชรเกษม (นาหม่อม-หาดใหญ่) ตรงข้ามบริษัทโชติวัฒน์อุตสาหกรรมจำกัด อ.หาดใหญ่ ตัวรถพุ่งอัดกระแทกต้นไม้พลิกหงายท้องล้อชี้ฟ้า ผู้บาดเจ็บ จำนวน 6 นาย เป็นทหารนาวิกโยธินค่ายจุฬาภรณ์ จ.นราธิวาส ถูกลำเลียงส่ง รพ.สงขลานครินทร์ (มอ.)หาดใหญ่ แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิต 2 นาย คือ จ.อ.ศิรวิทย์ อินแนน อายุ 26 ปี และ จ.อ.สนั่น เทพเดช อายุ 27 ปี สอบสวนทราบว่าทหารนาวิกโยธินทั้ง 6 นาย อยู่ระหว่างเดินทางมาคุ้มกันและนำคณะของ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สำนักนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรมไปบรรยายให้กับกลุ่มทหารรบพิเศษที่ จ.นราธิวาส แต่มาประสบอุบัติเหตุเพราะถูกรถเก๋งไม่ทราบทะเบียนขับปาดหน้า จนทำให้รถเสียหลักพุ่งตกร่องกลางถนนจนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว

ถัดมาเวลา 15.30 น. ที่ สภ.เบตง จ.ยะลา พ.ต.อ.ภูมิเพ็ชร พิพัฒน์เพ็ชรภูมิ รอง ผบก.ภ.จ.ยะลา นายดลเดช พัฒนรัฐ นายอำเภอเบตง พ.ท.ธงชัย มีอนันต์ ผบ.ฉก. ยะลา 16 พ.ต.อ.สมบัติ หวังดี ผกก.สภ.เบตง พ.ต.อ.เฉลิมเกียรติ อมรากระสินธุ์ ผกก.สภ.ธารโต พร้อมกำลังแถลงผลการตรวจค้นบริเวณเทือกเขาหมู่ 9 ต.อัยเยอร์เวง อ.เบตง พบถังอะลูมิเนียมขนาด 30 ลิตร บรรจุระเบิดแสวงเครื่องและอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตระเบิดเป็นดินระเบิด จำนวน 389 แท่ง คาดเป็นของกลุ่มก่อความไม่สงบนำมาขุดหลุมซุกซ่อนเอาไว้

ส่วนเหตุการณ์คนร้ายวางระเบิดรถฮัมวี ชุดร้อย 2 พัน 2 ฉก.นราธิวาส บนถนนสายเลี่ยงเมือง (นราธิวาส-เจาะไอร้อง) หมู่ 2 บ้านยานิง ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง เมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ทหารบนรถบาดเจ็บรวม 6 นายนั้น ต่อมาเวลา 06.00 น. วันที่ 13 ม.ค. พลทหารอุทัย ฐิตะสาร อายุ 22 ปี ได้เสียชีวิตลงที่ รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ จากนั้นในเวลา 10.15 น. พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 และนายธนน เวชกรกานนท์ รอง ผวจ.นราธิวาส เป็นประธานในพิธีรดน้ำศพพลทหารอุทัย ฐิตะสาร ที่ศาลาอเนกประสงค์ วัดบางนรา อ.เมืองนราธิวาส โดยมีข้าราชการพ่อค้าประชาชนมาร่วมไว้อาลัยจนแน่นขนัด โดยศูนย์เยียวยาจังหวัดนราธิวาสได้มอบเงินช่วยเหลือแก่ครอบครัวของพลทหาร อุทัย จำนวน 500,000 บาท ขณะที่ต้นสังกัดได้เสนอปูนบำเหน็จ 7 ชั้นยศเป็นร้อยตรี จากนั้นเวลา 14.00 น. ได้เคลื่อนศพขึ้นเครื่องบินซี-130 กองทัพอากาศส่งกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดใน ต.ดอนใหญ่ อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี

มท.3 โอ่ครม.ภาคใต้สุดเจ๋ง ไม่เดิมพันเก้าอี้รมต.แลกดับไฟใต้

กรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติแต่งตั้ง คณะกรรมการรัฐมนตรีพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนใต้ ว่า คณะกรรมการรัฐมนตรีพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนใต้ จะสามารถแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ให้ดีขึ้นได้ โดยสามารถติดตามประเมินผลได้ในทุกๆ 3 เดือน ว่า การแก้ไขปัญหาเดินมาถูกทางหรือไม่ อย่างรก็ตาม ไม่ขอเดิมพันด้วยตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะปัญหาเกิดขึ้นเรื้อรังมานาน แต่ตนมีความตั้งใจในการทำงาน จะยึดหลักเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา จะใช้ทุกวิถีทางในการแก้ปัญหา รวมถึงการเจรจาทางลับกับผู้ก่อความไม่สงบ โดยถือเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่

ศรีลังกาเตรียมเผด็จศึกกบฏ หลังยึดเส้นทางสายยุทธศาสตร์ได้

คลิกดูภาพกบฏพยัคฆ์ทมิฬร่อแร่ เหลือที่มั่นสุดท้ายเพียงแห่งเดียว

กระทรวงกลาโหมศรีลังกาประกาศวันนี้ว่ากองทัพพร้อมแล้วสำหรับการเข้าบดขยี้ ที่มั่นของกลุ่มกบฏพยัคฆ์ทมิฬที่เหลืออยู่ หลังจากกองทัพสามารถยึด " ช่องช้างผ่าน " ซึ่งเป็นเส้นทางสายยุทธศาสตร์ที่มีความสำคัญสูงสุดได้เรียบร้อย

หลังการสู้รบอย่างหนักนาน 4 วัน เมื่อวันศุกร์ฝ่ายรัฐาลสามารถเข้าควบคุมช่องช้างผ่าน หรือที่เรียกกันว่า อีพีเอส ซึ่งเป็นเส้นทางเดียวที่เชื่อมระหว่างคาบสมุทรจ๊าฟนา

ที่มั่นสุดท้ายของกบฏ กับส่วนอื่นๆของประเทศได้โดยสมบูรณ์ หลังกลุ่มกบฏ ควบ

คุมอีพีเอสอยู่นานถึง 8 ปี

ก่อนหน้านี้ กระทรวงเคยออกมาประกาศก่อนแล้วว่า กลุ่มกบฏใกล้ที่จะสูญพันธุ์ หลังกองทัพสามารถยึดเมืองคิลินอชชิ ซึ่งเป็นเสมือนกองบัญชาการทางการเมืองของกลุ่มได้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว การสูญเสียอีพีเอส จึงเท่ากับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่อีกครั้งในช่วงเวลาติดๆกัน โดยรัฐบาลนั้นเปิดฉากการรุกครั้งล่าสุดมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2550

ขณะที่กลุ่มกบฏ ที่ต่อสู้เพื่อแบ่งแยกดินแดนชาวทมิฬ ในทางเหนือของประเทศ จับอา

วุธสู้รบกับทางรัฐบาลมาตั้งแต่ปี 2515

เมื่อวาน ประธานาธิบดีมหินธา ราชปักษี ของศรีลังกา ก็กล่าวสุนทรพจน์ถึงชัยชนะในการยึดอีพีเอส ผ่านทางโทรทัศน์ด้วยเช่นกัน เขาบอกว่าการยึดอีพีเอสได้ ทำให้ฝ่ายรัฐ

บาลเป็นผู้ควบคุมเส้นทางยาว 142 กิโลเมตรของทางหลวงสาย เอ 9 ทำให้สามารถ

ส่งกำลังบำรุงให้กับทหาร และประชาชนราว 5 แสนคนในคาบสมุทรจ๊าฟนา ได้ทาง

รถยนต์

ปัจจุบันกองทัพกำลังรุกเข้ากวาดล้างกลุ่มกบฏที่หลงเหลืออยู่ ที่เกือบทั้งหมด กระจัดกระจายกันอยู่ตามป่าในเขตจังหวัด มุลลาอิตติวู ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ โดยปะปนอยู่ในหมู่ชาวบ้านราว 3 แสนคนของที่นี่

หมอพรทิพย์-ดีเอสไอ ลุยซานติก้า ตำรวจจ่อหมายจับเจ้าของ

พญ.คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ไปตรวจสอบซากอาคารซานติก้าผับ เพื่อให้เกิดความถูกต้องเป็นธรรม โดยในส่วนของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ได้มอบหมายให้ตรวจสอบถึงสาเหตุที่แท้จริง ของเหตุเพลิงไหม้ และร่องรอยที่เหลืออยู่ ว่า มีการติดตั้งระบบการป้องกันและเตือนภัยการเกิดอัคคีภัยตามกฎหมายหรือไม่ โดยคณะทำงานจะรายงานผลการตรวจสอบให้ตนรับทราบในวันที่ 12 ม.ค.นี้

สำหรับ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)ตนได้มอบหมายให้ไปตรวจสอบเอกสารที่ สน.ทองหล่อเพื่อตรวจสอบประวัติของผู้ที่มีรายชื่อเป็นกรรมการซานติก้าผับ รวมถึงใบอนุญาตเปิดสถานบริการ โดยหากผลการตรวจสอบพบว่าผู้มีชื่อเป็นกรรมการซานติก้าผับ ไม่ใช่เจ้าของกิจการที่แท้จริงอาจเข้าข่ายเป็นตัวแทนเชิด ดังนั้น ตัวแทนที่แท้จริงยังมีส่วนที่รับผิดทางแพ่งและทางอาญา ฐานเป็นตัวการร่วม ที่ผ่านมา การดำเนินคดีในหลายเรื่องมีความผิดพลาดเพราะเราดูกฎหมายไม่ครบถ้วน อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่า เจ้าหน้าที่ของกระทรวงยุติธรรมจะได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิสูจน์ความจริง

ด้านพ.ต.อ.ขจรศักดิ์ ปานสาคร รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 กล่าว ถึง ความคืบหน้าเหตุเพลิงไหม้ซานติก้าผับว่า ถ้าผลตรวจสอบจากองพิสูจน์หลักฐานออกมาภายในสัปดาห์หน้า พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะเรียกประชุมติดตามความคืบหน้าคดีดังกล่าว เพื่อจะประมวลเหตุการณ์ให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น ก่อนจะออกหมายจับ นายสุรยา ฤทธิ์ระบือ กรรมการผู้จัดการบริษัท ไวน์ แอนด์ บราเธอร์ จำกัด ในวันจันทร์ที่ 12 มกราคมนี้ และในวันนี้ นายวิสุข เสร็จสวัสดิ์ หรือ เสี่ยขาว จะไม่เดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันนี้ เนื่องจากต้องรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม ก่อนจะให้ปากคำในรอบที่ 2

ต่อ มา พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ และคณะ ได้เข้าตรวจสอบซานติก้าผับ โดยนำเครื่องสแกนค้นหาศพ มาตรวจบริเวณโดยรอบที่เกิดเหตุ เผื่อมีผู้ที่ยังสูญหายติดค้างอยู่ เพื่อเก็บรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม ก่อนจะเสนอพนักงานสอบสวน เพื่อเข้าร่วมประชุมคดี โดยมี พล.ต.อ.จงรัก เป็นประธาน ติดตามความคืบหน้าคดีภายในสัปดาห์หน้า หลังจากผลพิสูจน์หลักฐานของกองพิสูจน์หลักฐานออกมา

ทัพเสื้อแดงปักหลักสนามบินเชียงใหม่ไล่นายชวน

เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมาของวันนี้ (6 ธ.ค.) กลุ่มคนเสื้อแดงรักเชียงใหม่51 ได้รวมกลุ่มกันที่ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ เพื่อรอขับไล่นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี และ ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้เดินทางลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครหาเสียงที่ จ.ลำปาง และ จ.ลำพูน และมีกำหนดเดินทางกลับในช่วงค่ำวันนี้ โดยกลุ่ม คนเสื้อแดงได้กระจายกำลังไปยังทางขึ้นด้านหน้าฝั่งขาเข้าและขาขึ้นระหว่าง ประเทศ ซึ่งมีการถือป้ายขับไล่นายชวน และปราศรัยโจมตีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ท่ามกลางการตรึงกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายร้อยนาย โดยกลุ่มผู้ประท้วงยืนยันจะปักหลักจนกว่าคณะของนายชวนมาถึง ซึ่งมีรายงานว่าคณะของนายชวนได้เดินทางถึงจ.ซลำพูน และกำลังรอเวลาเข้า จ.เชียงใหม่ เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯต่อไป
ด้าน เวทีปราศรัยหาเสียงของพรรคเพื่อไทย ที่จ.นครพนม หลัง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เสร็จสิ้นการปราศรัยได้เดินทางไป จ.มหาสารคาม โดยมี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยต่อทันที ท่ามกลางเสียงปรบมือจากกลุ่มเสื้อแดงนับ 4 พันคน ขณะที่ นายไพจิตร ศรีวรขาน สมาชิกสภาผู้แทนนครพนม เขต 2 นำ นายพานทองแท้ ชินวัตร เดินบริเวณรอบนอกกลุ่มเสื้อแดง เพื่อให้นายพานทองแท้ ได้ทักทายกับกลุ่มเสื้อแดงอย่างใกล้ชิด

เหตุเพลิงไหม้ห้างเสือป่าพบบาดเจ็บแล้ว 1 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเหตุเพลิงไหม้ห้างเสือป่าพลาซ่า ถนนพลับพลาชัย ข้างคลองถมว่า เมื่อช่วงเวลา 20.30 น. วันนี้ (4 ม.ค.) ว่า ไฟได้ลุกลามจากชั้นล่างขึ้นไปยังชั้นบนอย่างรวดเร็ว ซึ่งมีคนติดค้างอยู่บริเวณชั้น 4 6 และ 9 โดยโบกไม้ โบกมือ และโบกผ้าขอความช่วยเหลือ และอีกส่วนหนึ่งได้หนีขึ้นไปรวมยังดาดฟ้า ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังใช้กระเช้าเข้าช่วยเหลือ แต่เป็นไปด้วยความอยากลำบาก เนื่องจากกลุ่มควันไฟมีมาก ซึ่งออกมาจากบริเวณชั้น 4 5 และ 7 ซึ่งเป็นชั้นที่ขายเครื่องหนัง มือถือ และพลาสติก เจ้าหน้าที่ได้มีการฉีกน้ำเลี้ยงเอาไว้ โดยมีรถไฟส่องให้แสงสว่างอยู่

ด้าน นายสันติ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกลาง กล่าวว่า ขณะนี้ไม่มีเปลวไฟแล้ว มีเพียงกลุ่มควันจำนวนมาก ซึ่งนับเป็นอุปสรรคอย่างมากของเจ้าหน้าที่ที่เข้าช่วยเหลือ ส่วนผู้บาดเจ็บเบื้องต้น ยังไม่ทราบจำนรวนที่แน่ชัด แต่ล่าสุดได้นำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บส่งยังโรงพยาบาลกลางแล้ว 1 คน ซึ่งตกลงมาจากด้่านบน ซึ่งไม่แน่ชัดว่าเป็นการโดดลงมาเอง หรือผลัดตกลงมา ซึ่งมีบาดแผลตามลำตัวเล็กน้อย เป็นผู้ชาย

ขณะ ที่ด้านนายต้น ผู้ที่ติดอยู่ภายในอาคารบริเวณชั้น 9 กล่าวว่า ขณะนี้ที่ชั้น 9 อาคารเสือป่า มีผู้ที่ติดอยู่ประมาณหลาย 10 คน แต่ละคนได้กระจายกันอยู่ เนื่องจากหากอยู่รวมตัวกันอาจจะไม่สามารถหายใจออกได้ ซึ่งส่วนใหญ่ได้ช่วยเหลือตัวเองก่อน ด้วยการใช้ผ้าชุบน้ำปิดจมูก ซึ่งรถกระเช้าของเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าถึงได้

ผู้ สื่อข่าวรายงานเพิ่มว่า ขณะนี้เจา้หน้าที่สามารถช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ภายในอาคารเสือป่าออกมาได้ แล้วกว่า 20 คน บริเวณฝั่งด้านข้างธนาคารกสิกรไทย แต่ยังมีผู้ที่ติดอยู่ด้านบนอีกกว่า 50 คน แต่ยังไม่ทราบจำนวนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ

เพลิงไหม้เสือป่าพลาซ่า คลองถมคนติดภายใน20

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (4ม.ค.) เมื่อเวลา 20.15 น. ที่ผ่านมาเกิดเพลิงไหม้เสือป่าพลาซ่า ถนนเจริญกรุง ข้างคลองถม เจ้าหน้าที่พร้อมรถดับเพลิงนับ 10 คันเข้าระงับเหตุ ทั้งนี้จุดเกิดเหตุเป็นร้านอุปกรณ์มือถือ โดยชั้นบนสุดพบว่าเป็นอาบอบนวด โดยขณะนี้อยู่ระหว่างใช้น้ำดับไฟควบคุมไม่ให้ลุกลาม นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่ามีผู้ติดข้างอยู่ภายในกว่า 20 รายได้โบกมือร้องขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ ความคืบหน้าผู้สื่อข่าวจะรายงานให้ทราบต่อไป

เหยื่อซานติก้าตายอีก 2 คน สรุปยอดรวมทั้งสิ้น 61 ศพ

ผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุเพลิงไหม้ซานติก้าผับ ผับหรูย่านทองหล่อ ที่พักรักษา ตัวในโรงพยาบาลกรุงเทพจำนวน 2 ราย คือ น.ส.วิภาวรรณ ถนอมปัญญารักษ์ และนายยุทธนา สินไพบูลย์ผล เสียชีวิตแล้วเมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นรวมทั้งหมด 61 ราย และยังพักรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู 26 ราย

เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ กล่าวถึงค่าใช้จ่ายของผู้รักษาในโรงพยาบาลเอกชนว่า ตนได้ รับมอบหมายจากนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้ประสานความช่วยเหลือ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นตัวกลางประสานกับ โรงพยาบาลเอกชนเพื่อต่อรองค่าใช้จ่ายและเรียกร้องให้เจ้าของผับรับผิดชอบ แต่หากไม่ได้ก็ต้องเสนอรัฐบาลโดยเสนอผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาที่การดำเนินการจะต้องเป็นขั้นตอน

รายชื่อผู้บาดเจ็บเหตุไฟไหม้"ซานติก้าผับ"

รายชื่อผู้บาดเจ็บเหตุไฟไหม้"ซานติก้าผับ"

ผู้บาดเจ็บ 9 คน ที่นำส่งโรงพยาบาลปิยะเวช ได้แก่ 1.น.ส. ณัฐฐา สะโมสูงเนิน อายุ 24 ปี 2.น.ส. จิตตรา สะโมสูงเนิน อายุ 26 ปี 3.นายทัศกร แตงสมบูรณ์ ไม่ทราบอายุ 4.มิสยูยังฮ่อง อายุ 38 ปี 5.มิตเตอร์เมเลวินลี จังโฮ อายุ 25 ปี 6.น.ส. กนกวรรณ จันทร์แจ่ม ไม่ทราบอายุ 7.คุณสนิ ตัณหสุวรรณ ไม่ทราบอายุ 8.มิสเตอร์มาเลน วังเคโย อายุ 45 ปี ทั้งหมดบาดเจ็บเล็กน้อย และอีกคนเป็นหญิงไทยทราบเพียงชื่อสุจิตา อาการสาหัส รักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู
โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 9 คน คือ 1. มิสเตอร์ ซาลุส อายุ 26 ปี 2.มิสเตอร์ มาตาฟูมิ อายุ 27 ปี 3.น.ส.ปิยนุช เจริญเสน อายุ 27 ปี 4.มิสเตอร์รอน คริสเบิกส์ อายุ 49 ปี 5. มิสเตอร์ คามา อายุ 23 ปี 6. น.ส.กาญจนา นาคขวัญ อ่ายุ 25 ปี 7.น.ส.มลฤดี เนียมเรียน อายุ 25 ปี 8.น.ส.กิ่งกาญ ประสานวงศ์ อายุ 23 ปี 9.น.ส.วราวุธ นาคพิมพ์ อายุ 33 ปี ทั้งหมดมีบาดแผลไฟไหม้
โรงพยาบาลรามคำแหง 20 คน ทราบชื่อคือ 1.คุณกฤษฎา พรหมสุวรรณ 2.คุณจันทิกา พันโนริค 3.คุณพิษพิบูลย์ พิบูลย์หิรัญธรรมรงค์ 4.คุณพิชดา พงษ์คำ 5.คุณเดือนเพ็ญ ศรีสำโรง 6.คุณธีรพล ศิริอิฐวงศ์ 7.คุณสุขุมาพร พึ่งบุญพาณิช 8.คุณกิตอำพร ณ ทิศรี 9. คุณประวิศา ศรีสุภาพ 10 คุณจันทรา สาครศิลป์ 11คุณศิริวรรณ จอมใจพิจิตร 12 คุณมลฤดี คำนนท์ 13 คุณพนาเทพ อินสำราญ 14 คุณอรุณรุ่ง อรุณประเสริฐ 15 คุณอรุโนทัย พิชิตพงษ์นุสรณ์ 16 หญิงไทยไม่ทราบชื่อ อาการสาหัส ส่วน 4 คน ยังไม่ทราบชื่อ
โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ 5 คน 1.คุณพัชรินทร์ ซีควอร์รา อายุ 30 ปี 2. คุณธรรมชนก บุตรเดิม อายุ 28 ปี 3.คุณวีระพัฒน์ ยุติสี อายุ 20 ปี 4.คุณขวัญจิรา สุขดี อายุ 33 ปี 5.คุณขันติยาภา อาริภา อายุ 26 ปี
โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท อีก 10 กว่าคน ยังไม่ทราบชื่อ
โรงพยาบาลตำรวจ 1 คน นายกิตติ แซ่แต้ อายุ 34 ปี
โรงพยาบาลเกษมราษฎร์บางแค 2 คนคือ น.ส.ชุลีพร โพธิ์ชัย อายุ 21 ปี และ น.ส.ญาตาวี พรหมวิมานรัตน์ อายุ 27 ปี
โรงพยาบาลนครธน 1 คน น.ส.ปิยธิดา โพธิ์ชัย อายุ 29 ปี โรงพยาบาลราษฎร์บูรณะ 1 คนคือ น.ส.อินทิรา เพ็งดี อายุ 24 ปี
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ 13 คน อาการสาหัส 5 คน ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ประกอบด้วย 1.ชาวต่างชาติ ไม่ทราบชื่อ 2. คุณศิริลักษณ์ อักษรวรรณ 3. คุณพนมพร เกิดแก้ว 4.ว่าที่ ร้อยตรี ยุทธศาสตร์ แสนเวียน 5.คุณสายสุรี มณีศิลป์ 6.คุณจุฑารัตน์ ไม่ทราบสกุล อาการสาหัส 7.คุณอวิโรจน์ ศิริวรชัย 8.คุณพรทิพย์ ทองดี 9.คุณนรินทร์รัตน์ อิทธิธนะรัตน์ 10.คุณสุทธิรักษ์ สำเร็จประสงค์ อาการสาหัส 11 คุณเสาวณี ปัญญาใหญ่ 12.คุณยิ่งยศ ดำรงประพัฒน์ 13คุณนภัทร ภูมีราม
โรงพยาบาลรามาธิบดี 6 คน 1.คุณสุปราณี ทาเภา อายุ 23 ปี 2.คุณอนุลักษณ์ มหันต์พงค์สา อายุ 25 ปี 3.คุณอธิวารา ตาสิทธิ์แสง อายุ 25 ปี 4.คุณธนศร แดงสวัสดิ์ อายุ 34 ปี 5. คุณอัศวิน วังทวีพล อายุ 22 ปี 6. มิสเตอร์ ยัง ซิงเวอร์ อายุ 21 ปี
โรงพยาบาลราชวิถี 5 คน น.ส.ทิพรัตน์ อาจรอด อายุ 27 ปี 2.น.ส.วรดะนุล เวชภักดีกิจ อายุ 24 ปี 3.มิสเตอร์ ชิเซรุ ทุโนดะ อายุ 41 ปี 4.มิสเตอร์โคจิ กิมูระ อายุ 28 ปี 5.น.ส.ยุพวดี ไม่ทราบนามสกุล
โรงพยาบาลพระรามเก้า 13 คน 1.น.ส.นัชชา ชัยรำลึก 2.นายวุฒิชัย วิเศษศิริ 3.นายเอกชาย เสนากุล 4.น.ส.เบญจวรรณ คิชพงษ์ 5.น.ส.นงลักษ์ รอดจันทร์ 6.น.ส.หัทยา ชุบคำ 7.น.ส.จารุณี คำคงซื่อ 8.น.ส.จุฑารัตน์ จิตสาโรจิตโต 9.นายชนาชัย บูรณะสุกาญจน์ 10.น.ส.วรรณภา ก่อมณี 11.นายสัตคุณ พัฒนาศิลป์ 12.น.ส.สุพัต ศรีแจ่ม 13.น.ส.กัญญารัตน์ พูลประสาท
โรงพยาบาลคามิลเลี่ยน 23 คน 1.คุณบุญกอ ขำทอง 2.คุณกิติ สรรณชัย 3.คุณมุ่ยจิรา พลโยราช 4.คุณพิชพล จิริยะอาพร5.คุณเบญจพร ขิมบ้านไร่ 6.คุณชาติชาย อิ่มศิริ 7.คุณศรีจันทร์ โพธิ์นา 8.คุณชวิน มัสโอดี9.คุณรัตนา แซ่ลิ้ม 10.คุณฐาปนา รัศมี 11.คุณฐารินทร์ ลือชัยธรรม 12.คุณเบญจรัตน์ อิ่มธยากร 13.คุณนิภาพร สมพล 14.คุณสุมาลี ประจวบสุข 15.คุณอรเทพ สร้อยสน 16.คุณนฤพัฒน์ ธรรมคุก17.คุณจันธิมา เอื้อกาญ 18.คุณณัฐนันท์ ชำนาญกลาง 19.คุณกุลธิดา เชิดลำไพ 20.มิสเตอร์สตีเซ่น ฮอลล์ 21.คุณสรัญญา วรวิชากุล ส่วนอีก 2 คน เสียชีวิตในที่เกิดเหตุนำส่งโรงพยาบาล คือ คุณมีศักดิ์ แก้วละเอียด บ้านเลขที่ 46 หมู่3 ต.ทุ่งนารี อ.ป่าบอน จ.พัทลุง และอีกคนเป็นชายไทยไม่ทราบชื่อ
โรงพยาบาลแพทย์ปัญญา 8 คน 1.นายพีระวัติ โชติจรูญพันธ์ อายุ 35 ปี 2. น.ส.มานิตา ชะละอำ อายุ 25 ปี 3.น.ส.ฐนัชชา สุนทรชัย อายุ 24 ปี 4.มิสจัสมิน มูนเลอร์ อายุ 29 ปี (ไอซียู) 5.มิสแอนตาลิน ไม่ทราบสกุล อายุ 33 ปี ไอซียู 6.มิสเตอร์ อดัม มูนเลอร์ 26 ปี 7.มิสเตอร์เวส จอนมูเลอร์ อายุ 33 ปี 8.น.ส.นตกรณ์ ธิมาชัย อายุ 23 ปี
โรงพยาบาลเวชธานี 2 คน ไม่สะดวกให้ชื่อ ญาติทราบเรื่องแล้ว
โรงพยาบาลเปาโลเมโมเรียล 2 คน 1.น.ส.กัญญารัตน์ ภู่ประสาท อายุ 32 ปี อาการสาหัส 2.น.ส.จุฑารัตน์ กิจสาโรจน์จิโต อายุ 29 ปี
โรงพยาบาลวิภาราม 19 ราย 1. น.ส.สมิรัญ แก้วนาง 2.นายสุรศักดื สิทธิกุล 3.น.ส.มาลาวัน พักน้อย 4.มิสซัน อาโย พาค 5.มิสเตอร์ซูนราป ปานเด 6.จุทามาศ ศิรา 7.นายอัฐพล ไหมสีชาม 8.น.ส.อุดมพร เกตุหนู 9.นายวิสูตร วิสุทธิไกสีห์ 10.น.ส.ศิรินทิพย์ แซ่คิว 11.นายภาสพงศ์ มากรด 12.นายสุรศักดิ์ ศรีงาน 13.น.ส.เบญจวรรณ เตชะวิทย์ 14.นายชาญณรงค์ มหาชาต 15.น.ส.ปิยนุช บึงลำภู 16.น.ส.อหัสยา บุญมา 17.น.ส.จิรวรรณ โตวิทยาการ 18.น.ส.พัชนียา หามา 19.นายอภินันท์ ภักดี
โรงพยาบาลพระมงกุฎ 4 คน เสียชีวิตระหว่างนำส่ง 1 คน และบาดเจ็บอีก 3 คน
โรงพยาบาลคลองตัน นำส่ง 1 คน เสียชีวิตระหว่างทาง คือคุณมนันยา บุญศาล อายุ 47 ปี

ซานติก้า ย่างสด59คน ฉลองปีใหม่

เหตุเพลิงไหม้ซานติก้าผับ สถานบันเทิงหรูย่านเอกมัย ซ.9 แขวงคลองตัน เขตวัฒนา ขณะเคาท์ดาวน์ปีใหม่ เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (1ม.ค. ) ว่า ศูนย์กู้ชีพนเรนทรระบุสาเหตุเกิดจากพลุเอฟเฟ็กที่บริเวณด้านหน้าเวที เพื่อจุดฉลองหลังจากที่มีการเคาท์ดาวน์แล้ว โดยเมื่อเคาท์ดาวน์เสร็จทางร้านได้จุดพลุดังกล่าว แต่พลุเกิดระเบิดรุนแรงกว่าจนลุกลามไปติดยังฝ้าเพดานที่หุ้มด้วยฟองน้ำเก็บ เสียงซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้ไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ดี โดยพล.ต.ต.โชคชัย ดีประเสริฐวิทย์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 กล่าวว่า ภายหลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่า ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ขาดอากาศหายใจ โดนไฟคลอก และสำลักควัน ซึ่งผู้ได้รับบาดเจ็บถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลหลายแห่งแล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้ระดมฉีดน้ำสกัดเพลิงอย่างต่อเนื่อง โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงจึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ แต่เนื่องจากอาคารดังกล่าวถูกความร้อนอย่างหนักจนเพดานเกิดการทรุดตัว

ทั้งนี้ พล.ต.ต.โชคชัย กล่าวเพิ่มว่า ได้กำชับให้พนักงานสอบสวนกระจายออกไปสอบปากคำผู้ได้รับบาดเจ็บที่โรงพยาบาล และสอบปากคำพยานแวดล้อม หากพบว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็จะเรียกตัวมาแจ้งข้อ หา และดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ส่วนผู้เสียชีวิตนั้นประสานให้มูลนิธิร่วมกตัญญูนำส่งสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ และมีการตั้งศูนย์รับแจ้งผู้สูญหายเพื่อประสานในการตรวจสอบผู้เสียชีวิต ส่วนสาเหตุที่แท้จริงยังไม่ทราบแน่ชัด แต่คาดว่าจะเกิดจากพลุเอฟเฟ็ก  

ขณะที่ผู้ที่รอดชีวิต กล่าวยืนยันว่า ต้นเพลิงเกิดจากสะเก็ดไฟที่ตกมาจากด้านบนเพดาน ทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้อย่างรวดเร็ว นักท่องเที่ยวถูกไฟลวกตามร่างกายจำนวนมาก ขณะที่นักท่องเที่ยวบางส่วนพยายามวิ่งหนีเอาตัวรอดไปทางประตูทางออกบริเวณ ห้องน้ำชาย แต่ยังมีบางส่วนไม่สามารถหนีเปลวเพลิงออกมาได้ ถูกไฟคลอก และขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่พยายามช่วยอย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากเพลิงที่โหมลุกไหม้อย่างหนัก ไม่สามารถช่วยเหลือได้ถูกไฟคลอกตายอยู่ด้านหน้าทางออก

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มว่า สรุปยอดผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 59 คน เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 53 คน และเสียชีวิตที่โรงพยาบาล 6 คน และมีผู้บาดเจ็บรวม 212 คน