แฉเขมรฝังกับระเบิดใหม่ ต้นเหตุทหารไทยขาขาด

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นวันนี้ (14 ต.ค.) นายนรชิต สิงหเสนี รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้บรรยายข้อมูลความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อคณะทูตประเทศสมาชิกไม่ถาวรคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) 4 ประเทศ ได้แก่ แอฟริกาใต้ ปานามา เบลเยียม และอิตาลี ส่วนอินโดนีเซีย และเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศสมาชิกไม่ถาวรยูเอ็น รวมอยู่ในประเทศอาเซียน รับฟังการบรรยายจาก นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับคณะทูตประเทศอาเซียนคนอื่นๆ

ก่อน หน้านี้ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ยังต่อสายพูดคุยทางโทรศัพท์กับทูตประเทศสมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสห ประชาชาติ 5 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศสและจีน ด้วย

ต่อ มา นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ในการชี้แจงต่อคณะทูตอาเซียน 8 ประเทศ โดยได้รายงานพัฒนาการเกี่ยวกับปัญหาชายแดน ซึ่งมีสาระสำคัญอ้างถึงเหตุการณ์ทหารพรานของไทยเหยียบกับระเบิดขาขาด ขณะลาดตระเวนบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในเขตของไทย ที่บริเวณภูมะเขือและอยู่ใกล้กับปราสาทพระวิหาร

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าระเบิดดังกล่าวเป็นระเบิดชนิด PMN2 ซึ่งผลิตจากรัสเซีย แต่ระเบิดชนิดนี้ กองทัพของไทยไม่เคยใช้และไม่มีอยู่ในคลังอาวุธ อีกทั้งจากการสอบสวนพบว่าระเบิดดังกล่าวถูกฝังไม่นานมานี้ รัฐบาลไทยจึงเชื่อว่าระเบิดดังกล่าวเป็นระเบิดใหม่ที่เพิ่งฝัง หลังจากที่ทหารพรานลาดตระเวนและพบทหารกัมพูชารุกล้ำชายแดนไทย เมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา

" จากนั้น วันที่ 6 ต.ค. ทหารไทย เหยียบทุ่นระเบิดและสูญเสียขา ซึ่งเส้นทางเดินของทหารไทยมีการเก็บกู้กับระเบิดหมดแล้ว ทางศูนย์ปฏิบัติการส่งคณะเจ้าหน้าที่ไปสอบสวน และกู้กับระเบิดในพื้นที่ดังกล่าว โดยพบว่าระเบิดหลายลูกเพิ่งผลิต และทุ่นระเบิดหลายแห่งมีการฝังไม่นานมานี้" นายธฤต ระบุ

โฆษกกระทรวง การต่างประเทศ กล่าวด้วยว่า หลังการรับฟัง คณะทูตทุกประเทศต่างแสดงความเข้าใจต่อสถานการณ์ความตึงเครียดไทย-กัมพูชาและ กล่าวขอบคุณกระทรวงการต่างประเทศที่ได้เร่งทำเข้าใจอย่างทันท่วงที นอกจากนี้ ทางการสิงคโปร์และอินโดนีเซีย ยังแสดงความเป็นห่วงต่อเรื่องนี้ และขอให้ไทยและกัมพูชาใช้ความยับยั้งชั่งใจในการแก้ปัญหา

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า ทางการไทยได้แสดงความวิตกกังวลต่อเรื่องนี้อย่างยิ่ง เนื่องจากเห็นว่าเป็นการละเมิดอย่างร้ายแรงต่ออนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิด ออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดอย่างร้ายแรง ไทยจึงหวังอย่างจริงจังว่า รัฐบาลกัมพูชา ไม่ได้เพิ่มการแถลงข่าวหรือการให้ข่าวเกี่ยวกับความขัดแย้งตามพรมแดน เพื่อกลบความสนใจ หรือกลบข่าวเกี่ยวกับการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศนี้ โดยเฉพาะความเห็นขัดแย้งเส้นเขตแดน ควรแก้ไขกันทั้ง 2 ประเทศ แทนที่จะใช้คำพูดที่ก่อให้เกิดอันตราย

0 ความคิดเห็น: