ทักษิณไม่สน ถอนพาสปอร์ต

จาก การที่รัฐบาลได้แก้ไขการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงด้วยความเรียบร้อย และได้รับความชื่นชมจากสื่อต่างชาตินั้น ล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศประกาศว่า ได้สั่งยกเลิกหนังสือเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีทุกชนิด

บัวแก้วถอนพาสปอร์ต ทักษิณ

เมื่อวันที่ 15 เม.ย. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศได้สั่งยกเลิกหนังสือเดินทางธรรมดาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีแล้ว เมื่อวันที่ 12 เม.ย. ตามนโยบายรัฐบาล ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวอาศัยอำนาจตามระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่า ด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ.2548 ในหมวด 8 ว่า ด้วยการยกเลิกหนังสือเดินทาง ข้อ 23 (7) ซึ่งระบุว่า สามารถยกเลิก และเรียกคืนหนังสือเดินทางได้ เมื่อปรากฏภายหลังว่า พิจารณาเห็นว่า หากให้ผู้ถือหนังสือเดินทางยังคงอยู่ในต่างประเทศต่อไป อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศ ไทยหรือต่างประเทศได้

แจ้งทั่วโลกถอนหนังสือเดินทาง

นาย ธฤตกล่าวว่า อย่างไรก็ดี การถอนหนังสือ เดินทางนี้ไม่ได้กระทบกับความเป็นสัญชาติไทยของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่จะทำให้เดินทางไปประเทศที่สามด้วย หนังสือเดินทางไทยไม่ได้ โดยสามารถเดินทางกลับประเทศ ไทยได้เท่านั้น ด้วยการไปขอให้สถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลใหญ่ไทยในประเทศนั้นๆ ออกเอกสารเดินทางชั่วคราวที่เรียกว่าซีไอให้

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้รัฐบาลไทยได้ประสานให้รัฐบาลทั่วโลกทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยการตัดสินใจยกเลิกหนังสือเดินทางดังกล่าวมีขึ้นหลังกลุ่มเสื้อแดงบุกโรง แรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท จ.ชลบุรี จนเป็นเหตุให้รัฐบาลต้องตัดสินใจยกเลิกการประชุมผู้นำอาเซียน อย่างไรก็ตาม หาก พ.ต.ท.ทักษิณมีหนังสือเดินทางประเทศอื่น ก็สามารถใช้หนังสือเดินทางเหล่านั้นเดินทางต่อไปได้

ประสาน ตร.สากลล่าตัว ทักษิณ

วัน เดียวกัน นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีกระทรวงการต่างประเทศถอนหนังสือเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า กระทรวงการต่างประเทศแจ้งว่า ได้เพิกถอนหนังสือเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณหมดแล้ว โดยเล่มสีแดงได้ยกเลิกไปก่อนหน้านี้นานแล้ว ส่วนเล่มสีน้ำตาลนั้น ยกเลิกเมื่อวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางต่างประเทศในฐานะคนไทยได้ลำบาก ไม่สามารถเดินทางไปประเทศไหนได้ แต่ยังคงสัญชาติไทยได้ตามปกติ หาก พ.ต.ท.ทักษิณต้องการเดินทางกลับประเทศไทย ก็สามารถไปที่สถานทูตไทยในต่างประเทศ เพื่อขอเดินทางกลับประเทศไทยได้ ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการประสานไปยังองค์การตำรวจสากลให้ติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งถูกรัฐบาลออกหมายจับ โดยได้ขึ้นบัญชี หมายแดงใน เว็บไซต์ขององค์การตำรวจสากลแล้ว นายปณิธานตอบว่า เรื่องนี้เป็นขั้นตอนที่ดำเนินการตามปกติ ที่กระทรวงการต่างประเทศ จะให้เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง ประสานงานไปยังตำรวจสากล เพื่อให้ติดต่อบุคคลที่มีคดีความ หรือถูกตัดสินว่ากระทำความผิด ส่งตัวกลับมารับโทษในประเทศไทย โดยเฉพาะประเทศที่มีข้อตกลงกับประเทศไทยอยู่ โดยเฉพาะบุคคลที่กระทำการให้ประเทศชาติเสียหาย หรือดำเนินการล้มล้างรัฐบาล

อ้าง ทักษิณไม่สนเลิกพาสปอร์ต

ด้านนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกระทรวงต่างประเทศยกเลิกหนังสือเดินทาง พ. ต.ท.ทักษิณทุกเล่มว่า ยังไม่ได้คุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ท่านเคยพูดว่าถ้ารัฐบาลจะถอนหนังสือเดินทางทุกเล่มจริงก็ไม่กระทบต่อการ เดินทาง เพราะยังมีหนังสือเดินทางประเทศอื่นที่ให้สิทธิพลเมืองและมอบหนังสือเดินทาง อีกหลายประเทศ แต่ไม่ทราบว่าประเทศไหนบ้าง เมื่อถามว่า รัฐบาลประสานไปยังประเทศต่างๆเพื่อขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน หรือไม่ให้อดีตนายกฯเข้าประเทศนั้นๆได้หรือไม่ นายนพดลกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับกฎหมายประเทศนั้นๆ และต้องดูด้วยว่าประเทศเหล่านั้นจะดำเนินการตามประเทศไทยหรือไม่ เพราะโดยหลักการถ้าเป็นคดีทางการเมือง ประเทศนั้นๆมักจะไม่ดำเนินการให้

โฆษก มาร์คปัดข่าวมีคนตาย

สำหรับ ความเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์ วันเดียวกัน ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า จากเหตุการณ์ ชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงได้มีประชาชนโทรศัพท์มาให้กำลังใจกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นจำนวนมาก วันนี้สรุปชัดเจนแล้วว่า แนวทางของนายกฯที่ใช้ในการแก้ไขวิกฤติชาติ เป็นแนวทางที่ถูกต้อง พรรคขอขอบคุณทุกคนที่ห่วงใย และให้กำลังใจรวมทั้งสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศที่เสนอข่าวอย่างตรงไปตรง มา เพื่อให้ทุกอย่างตรวจสอบได้ แต่ยังมีความพยายามของบุคคลบางกลุ่มที่พยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง โดยเฉพาะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ให้สัมภาษณ์ในลักษณะสร้างข่าวว่า การชุมนุมโดยใช้ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน มีทหารมายิงประชาชนเสียชีวิตจำนวน 5 ศพ ซึ่งเป็นการแสดงท่าทีเช่นนี้ไม่ใช่ครั้งเดียว จนถึงวันนี้ก็ยังทำพฤติกรรมเช่นนี้อยู่ สร้างความเสียหายให้กับประเทศมาก อยากเรียกร้อง พ.ต.ท.ทักษิณที่ไปให้สัมภาษณ์ซีเอ็นเอ็นว่า ทหารยิงประชาชนและมีประชาชนตายจำนวนมาก ทหารเป็นผู้เก็บศพประชาชนไปซ่อนไว้ และที่ไม่ปรากฏเป็นข่าวเพราะสื่อภายในประเทศถูกปิดปาก การสร้างข่าวเช่นนี้เป็นลูกไม้เดิมๆ ข่าวเช่นนี้เคยเกิดขึ้นในยุค 14 ตุลาฯ และ 6 ตุลาฯ ซึ่งยุคนั้นข้อมูลข่าวสารอาจไม่ได้เปิดกว้างเหมือนยุคปัจจุบัน

ฉุนพรรคเพื่อไทยให้ร้ายรัฐบาล

ส่วน กรณีที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมาให้สัมภาษณ์ว่ามีประชาชนส่วนหนึ่งส่งภาพข่าวว่าทหารยิงประชาชน และพยายามพูดลักษณะว่าไม่อยากเปิดเผยในขณะนี้ เพราะมี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หลังจากนี้จะเปิดข่าวนี้ออกมานั้น นายเทพไทกล่าวว่า อยากเรียกร้อง หากพรรคเพื่อไทยมีข่าวและภาพข่าวในลักษณะเช่นนี้จริง ว่ามีคนถูกยิงตายจริง แม้แต่หนึ่งภาพก็ขอให้เปิดเผยออกมา เพราะ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่ได้ปิดปากหรือห้ามไม่ให้เผยแพร่ข้อเท็จจริง แต่ตนเกรงว่า สิ่งที่กล่าวอ้างของพรรคเพื่อไทยว่าไม่สามารถเปิดได้ โดยโยนความผิดให้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นเพราะวันนี้ยังไม่มีภาพเหล่านี้ เพื่อที่จะใส่ร้ายรัฐบาล ส่วนกรณีที่ นพ.ทศพร เสรีรักษ์ 1 ในบ้านเลขที่ 111 จะใช้มูลนิธิของบ้านเลขที่ 111 เป็นที่รับแจ้งข่าวสารคนเสียชีวิต และได้ตรวจสอบภาพทั้งหมด ไม่มีภาพที่พระถูกยิงตายแม้แต่คนเดียว มีแต่ภาพของพระโดดถีบรถนายกฯ

ซัด ทักษิณต้นเหตุความรุนแรง

นาย เทพไทกล่าวอีกว่า คำสัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณที่ยังคงให้สัมภาษณ์ โดยมีการตั้งคำถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณอยู่เบื้องหลังการชุมนุมครั้งนี้หรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ยังปฏิเสธว่า ไม่ได้อยู่เบื้องหลัง สิ่งที่โฟนอินมานั้นก็เพื่อให้กำลังใจ แต่ข้อความที่ปรากฏชัดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ยั่วยุ ปลุกระดม ให้ความหวัง แม้กระทั่งบอกว่ามีเสียงปืนดังขึ้นมานัดเดียวก็พร้อมที่จะเดินมาร่วมกับพี่ น้องประชาชน ตนอยากบอกว่า ปัญหาทั้งหมดจุดเริ่มต้นเกิดขึ้นเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ วันนี้ปัญหาทั้งหมดกำลังจะถึงจุดจบ อยากวิงวอน พ.ต.ท.ทักษิณว่า เมื่อเป็นต้นเหตุของปัญหา ก็ควรใช้สติสัมปชัญญะ และความรู้สึกที่เป็นคนไทยคนหนึ่งยุติปัญหาที่จะเกิดขึ้นต่อไป ปัญหาทั้งหมดอยู่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณคนเดียว ถ้าเห็นแก่ชาติบ้านเมืองยุติบทบาท ทุกอย่างก็จะยุติไป

เชื่อสังคมตื่นหลังเหตุป่วนเมือง

ด้าน นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.สัดส่วนและกรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงทิศทางการเมืองหลังการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงว่า ขณะนี้ประชาชนและสังคมให้ความสนใจในเรื่องของเศรษฐกิจมากกว่าเรื่องอื่นๆ ต่างตั้งข้อสังเกตว่าภายใต้สภาวการณ์อย่างนี้ ทำไมมุ่งเอาชนะกัน หลังตั้งหลักได้ประชาชนจะเริ่ม ออกมาพูดถึงความเหลวแหลก ฟอนเฟะ โดยเฉพาะในการทุจริตคอรัปชันในช่วง ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐครั้งนี้ไม่ใช่ เรื่องประชาธิปไตยที่แท้จริง แต่เป็นเรื่องซ่อนเร้นของผลประโยชน์ส่วนตัวมากกว่า โดยเฉพาะทรัพย์สินส่วนตัว รวมถึงคดีความที่ค้างคาอยู่ในชั้นศาลอีก 10 คดี พ.ต.ท. ทักษิณจึงจำเป็นต้องสร้างจิตวิทยาและเรียกคนมาให้ได้ มากๆ เพราะสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณต้องการคือ การเจรจาปรองดองโดยมีคนกลางเข้ามาเกี่ยวข้อง นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณไม่อยากกลับมาประเทศ เพราะกลับมาวันไหนก็จะต้องถูกจำคุกเป็นเวลา 2 ปี และคนเริ่มเห็นภาพรวมและเริ่มเข้าใจถึงเบื้องหลังของการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ การออกมาพยายามทำให้มีน้ำหนักและเรียกคนออกมาให้มากขึ้น กลับกลายเป็นการลด น้ำหนักของการต่อสู้

ชี้ยังเหลือเชื้อไฟแต่จะฝ่อไปเอง

ผู้ สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณพยายามต่อสู้ให้ถึงขั้นแตกหัก แต่กลับพลิกผัน ต่อไปสถานการณ์บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร นายบัญญัติตอบว่า หลังจากนี้สถานการณ์จะมีการยืดเยื้อ อาจต้องมีการสะสมกำลังรอคอยโอกาสใหม่ แต่เชื่อว่ายิ่งเนิ่นนานออกไปคนจะเข้าใจมากขึ้น และสุดท้าย การเคลื่อนไหวก็จะฝ่อไปเองในที่สุด ถือเป็นจุดที่ พ.ต.ท. ทักษิณและพรรคพวกหวั่นกลัวที่สุด เพราะจุดมุ่งหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณคือความพยายามกดดันให้มีคนกลางเข้ามาทำหน้าที่เจรจาปรองดอง โดยมีเหตุผล 3 อย่างคือ ไม่ยอมติดคุก 2 ปีตามที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรง ตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาไปแล้ว ไม่ยอมสูญเสียทรัพย์สินที่หามาได้และร่ำรวยขึ้นจากการปฏิบัติหน้าที่เป็น นายกรัฐมนตรี และไม่ยอมสูญเสียอำนาจ เพราะลึกๆยังคิดฝันว่าจะกลับมาสู่ความมีอำนาจอีกครั้ง แล้วสังคมที่ไหนจะยอมรับได้ เพราะสังคมไทยวันนี้เดินมาถึงจุดที่ไม่ใช่เพียงข้อตกลงระหว่างคนไม่กี่คน แล้วจะเรียบร้อย ซึ่งจะถือว่าขัดกับหลักนิติธรรม นิติรัฐ คุณธรรม จริยธรรมโดยสิ้นเชิง

หยัน ทักษิณเทียบไม่ติด ป๋า

นาย บัญญัติกล่าวต่อว่า การต่อสู้ของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยการประกาศโค่นระบอบอำมาตยาธิปไตย ด้วยการให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ลาออก ถือเป็นข้อต่อสู้ที่ไม่มีน้ำหนัก และหมิ่นเหม่มาก จึงทำให้ขาดแนวร่วมจากพลังประชาชน เพราะ พ.ต.ท. ทักษิณ เทียบไม่ได้กับ พล.อ.เปรม เท่าที่ตนได้รู้จักและเคยทำงานร่วมกับท่านในช่วงที่เป็นนายกรัฐมนตรี ถือว่า พล.อ.เปรมมีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีข้อกล่าวหาเรื่องการร่ำรวยผิดปกติ ผิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เข้ามาบริหารประเทศไม่นานก็มีทรัพย์สินมหาศาล มีข้อครหาเรื่องการร่ำรวยผิดปกติ ดังนั้น การกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณจึงถือเป็นการการทำลายความมั่นคงของประเทศ เมื่อประเทศไม่มั่นคงเศรษฐกิจก็แก้ยากตามไปด้วย และนี่อาจจะเป็นเป้าประสงค์ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ไม่ให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ หากรัฐบาลนี้แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ก็จะสอดคล้องกับสิ่งที่เขาพยายามพูดมา ตลอดว่า รัฐบาลนี้ไม่มีทางแก้ เศรษฐกิจได้ ต้องถือว่าเป็นคนที่เห็นแก่ตัวที่สุด เพียงแค่ ทำให้เกิดเหตุการณ์เหมือนที่ตัวเองกล่าวหาเท่านั้น โดยไม่คำถึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติส่วนรวม

เชื่อ ทักษิณไม่กล้ากลับไทย

เมื่อ ถามต่อว่า สถานการณ์การเมืองมาถึงจุดนี้แล้วโอกาสที่ พ.ต.ท.ทักษิณกลับประเทศไทยยังมีอยู่หรือไม่ นายบัญญัติตอบว่า เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก เพราะสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณได้กระทำลงไป การเจรจาเพื่อให้เกิดความปรองดองคงเกิดขึ้นไม่ได้ ไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงคดีต่างๆที่รอการพิจารณาอยู่ กระบวนการทั้งหมดไม่ย้อนกลับมาได้แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาเมื่อไรก็ติดคุกเมื่อนั้น และจะทำให้การพิจารณาคดีอื่นๆ ได้เดินหน้าต่อไปด้วย และอาจจะต้องทำให้ พ.ต.ท. ทักษิณติดคุกเพิ่มขึ้นอีก

ยื่นหนังสือดูไบหยุดช่วย ทักษิณ

นายสมัย เจริญช่าง ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในเวลา 13.00 น. วันที่ 16 เม.ย. ตนในฐานะชาวมุสลิมและองค์กรชาวมุสลิมหลายองค์กร อาทิ สภาองค์กรมุสลิมแห่งประเทศไทย คณะกรรมการกลางอิสลามกรุงเทพฯ สมาคมสื่อสารชาวมุสลิม จะร่วมกันไปยื่นหนังสือถึง เอกอัครราชทูตประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อเรียกร้องให้ส่งเรื่องความเดือดร้อนที่ชาวมุสลิมใน กทม.ได้รับจากการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และลูกน้องกลุ่มผู้สนับสนุนของ พ.ต.ท.ทักษิณที่ส่งคนมาทำร้ายชาวมุสลิม ตั้งแต่สมัยที่ดำรงตำแหน่งเป็นนายกฯ เช่น การจัดหน่วยไล่ล่าสังหารชาวมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ การอุ้มฆ่าโต๊ะอิหม่าม การหายตัวไปของนายสมชาย นีละไพจิตร รวมถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 13 เม.ย. ที่กลุ่มเสื้อแดงก่อทำลายทรัพย์สิน ทำร้ายชาวบ้านมุสลิมที่ถนนเพชรบุรี ซอย 7 โดยเฉพาะการยิงปืนใส่ มัสยิดสัญลักษณ์ของศาสนาอิสลาม ทั้งที่ชาวมุสลิมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อจลาจลครั้งนี้ แสดงถึงจุดประสงค์ ก่อกวน ป่วนเมือง เพื่อให้เกิดความขัดแย้งและความไม่ สงบในประเทศไทย ของกลุ่มผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ การยื่นหนังสือครั้งนี้จะให้เอกอัครราชทูตของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รายงานความเดือดร้อนของพี่น้องมุสลิมไทยไปยังเจ้าผู้ครองนครแห่งเมืองดูไบ และไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณใช้เมืองดูไบเป็นฐานในการเคลื่อนไหว ที่พำนัก และไม่ให้สนับสนุนกิจการใดๆ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ

0 ความคิดเห็น: